รายงานการประชุมเฟด ที่นักลงทุนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อในสัปดาห์นี้ ได้เปิดเผยออกมาแล้ว นักลงทองคำหวังว่าผลการประชุมด้วยการวางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะช่วยสร้างโอกาสเพิ่มในการทำแนวโน้มขาขึ้น ส่วนฝั่งขาลงนั้นก็หวังว่าเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวก่อนหน้านี้ต่อไป
เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของรายงานการประชุมของเฟดในเดือนกรกฎาคม ที่พูดถึงจุดยืนในการวางนโยบายการเงิน บอร์ดบริหารของเฟดกล่าวแบบมีนัยแอบแฝงว่ายังมีที่ว่างสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยังย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี ดังนั้นนโยบายการเงินจะต้องทำแบบตึงตัวต่อไป ถึงแม้จะต้องรับความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และพวกเขาจะทรงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในระดับนั้นไว้จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เป็นที่น่าสังเกตว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดยอมรับความเสี่ยงที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากเกินไป ส่วนความเชื่อของตลาดที่ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนั้น เฟดไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะทำเช่นนั้นเมื่อใด และเมื่อไรที่จะสิ้นสุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลนี้อาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของราคาทองคำในอนาคตอันใกล้ หากข้อมูลตัวเลขเงินเฟ้อสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันค่อยๆ ลดลงจริงๆ แล้ว นักลงทุนฝั่งขาขึ้นของทองคำอาจได้โอกาสในการดันราคาทองคำให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คงต้องรอจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ไปก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ยังได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขยอดค้าปลีก หรือที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “ตัวเลขสยองขวัญ” ก่อนที่จะรายงานตัวเลข ตลาดลงทุนเคยคาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกโดยรวมในเดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้น 0.1% อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงก็คือยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมทรงตัว หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
ยอดค้าปลีกที่อ่อนแอจะนำไปสู่ความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟดจะทำให้ผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลงไปอีก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่ได้บ่งชี้หรือส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนไปชั่วคราว แต่สนับสนุนความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีความชัดเจน
จะเห็นได้ว่าแนวโน้มของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง เนื่องจากตลาดยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญ เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและระดับเงินเฟ้อ สิ่งนี้ทำให้ราคาทองคำลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากดัชนียอดค้าปลีกถูกรายงานออกมา ดังนั้นราคาทองคำจึงอาจผันผวนก่อนการประชุมอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และก่อนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนสิงหาคม ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สำคัญ ที่จะชี้ทิศทางความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในอนาคต แต่ถ้าภาพรวมของตลาดลงทุนเกิดเป็นภาพที่ไม่มีความชัดเจนอีกครั้ง ทิศทางของราคาทองคำ ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันมาตลอด อาจเปลี่ยนแปลงได้
ในภาพรวมแล้ว ขาขึ้นของทองคำยังคงต้องรอเวลาต่อไป เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลระบุชัดเจนว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในปัจจุบันได้สิ้นสุดแล้ว ดังนั้นจุดยืนในการปรับนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงมาไม่ถึง แม้ว่าเฟดได้เริ่มหารือถึงทิศทางนโยบายในการประชุมครั้งล่าสุดไปแล้ว ทัศนคติในปัจจุบันของเฟดยังค่อนข้างระมัดระวังตัว และรออ้างอิงกับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจหลังจากนี้ หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ทองคำจะยังคงปรับตัวลดลงต่อไป การลดอัตราเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% ของเฟดไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
สมมติว่าข้อมูลเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนหน้า แต่ตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมกลับไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เฟดอาจพิจารณาค่อยๆ ลดขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ควบคู่ไปกับการวางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เป็นผลให้สินทรัพย์เช่นสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์มีโอกาสปรับตัวขึ้นหากเฟดทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง