สกุลเงินไหนที่อาจได้ประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ?

คลื่นเงินเฟ้อในปัจจุบันได้กระตุ้นให้เกิดการประท้วงในลอนดอนขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เกี่ยวกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม เนื่องจากราคาสินค้าจำเป็น เช่น พลังงานและอาหารปรับตัวสูงขึ้นมาก ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร YoY ที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนเมษายน ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว นอกจากสหราชอาณาจักรแล้ว ประเทศต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงตอนนี้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ วันนี้เราจะพามาดูสถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศต่างๆ เหล่านี้กัน

สหราชอาณาจักร

อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรหลังจากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 9% ในเดือนเมษายนกำลังกลายเป็นเป็นปัญหาร้ายแรง สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเพดานราคาพลังงานของสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ราคาไฟฟ้าและก๊าซได้เพิ่มขึ้นและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษคาดว่าราคาพลังงานจะเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ด้วยเหตุนี้ ภายในไตรมาสที่สี่ CPI เฉลี่ยของสหราชอาณาจักรอาจขึ้นไปถึง 10%

เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยห้าครั้งติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังทำอย่างค่อนข้างระมัดระวัง ธนาคารได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดเบสิสตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 16 มิถุนายน รวมแล้วคิดเป็นการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พื้นฐาน 1.25% ข้อมูลเศรษฐกิจถดถอยได้จำกัดการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางอังกฤษในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วอาจทำให้เศรษฐกิจอังกฤษแย่ลง

สิ่งนี้จึงสร้างสถานการณ์ที่เงินเฟ้อรุนแรงอยู่แล้ว แต่ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่สามารถเพิ่มขึ้นแรงไปมากกว่านี้ จำกัดการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ ในทางกลับกัน ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของเศรษฐกิจอังกฤษยังคงซบเซา ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรนั้นทำให้ BoE ไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปได้ ทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงไม่นานหลังจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ทิศทางในอนาคตของเงินปอนด์จะขึ้นอยู่กับทิศทางของข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะ PMI เบื้องต้นของสหราชอาณาจักรในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ หากข้อมูลทางการเงินยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็จะเงินปอนด์อ่อนค่าลง

สหรัฐอเมริกา

ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 7% ที่น่าประหลาดใจคือ CPI มีตัวเลขสูงกว่าที่รักวิเคราะห์มองและยังคงไต่ระดับปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลง เมื่อเห็นอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น เพื่อเป็นการตอบโต้ เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีในช่วงกลางเดือนนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ย0.75% มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในกรอบ 1.50% -1.75%

เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสำคัญ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวกับตลาดว่า เป็นเรื่องปกติที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย0.75% ความเคลื่อนไหวนี้สร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ สัปดาห์นี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับคำให้การของพาวเวลล์ต่อสภาคองเกรสเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน ทัศนคติและจุดยืนของเขาต่อการวางนโยบายการเงินครั้งต่อไปของเฟดอาจดึงดูดกระแสเงินไหลเข้ามาเป็นเป็นดอลลาร์สหรัฐ หากจุดยืนของเขาไม่ถูกใจนักลงทุน

โดยรวมแล้วปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อคือราคาพลังงานที่สูงขึ้น ตลาดไม่เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะลดลงต่ำกว่า 8% จนกว่าจะถึงเดือนตุลาคม ดังนั้นเฟดจึงน่าจะขึ้นขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งทำให้เกิดการเก็งกำไรในหมู่นักลงทุนบางส่วน เกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคตของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

แคนาดา

สัปดาห์นี้แคนาดาจะมีรายงานข้อมูล CPI ในเดือนพฤษภาคม ในเดือนเมษายน แคนาดามีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 6.8% ซึ่งที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี ตลาดคาดว่าธนาคารแห่งประเทศแคนาดาจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75 เปอร์เซ็นต์ในการประชุมวันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งจะสอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนนี้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 24 ปี

ในระยะสั้น คาดว่าค่าเงินดอลลาร์แคนาดาจะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดตั้งตารอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางแคนาดา กราฟ USDCAD คาดว่าจะขึ้นทดสอบจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ 1.3077 แคนาดาเป็นผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ เช่นน้ำมัน ดังนั้น การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของแคนาดาในระดับหนึ่ง ซึ่งกำไรที่ได้จะไปชดเชยผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการคาดการณ์ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่ส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เงินดอลลาร์แคนาดาจึงอาจแข็งค่าขึ้นในอนาคต

ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

หลังจากเจ็ดปีที่ตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นไม่เคยกระดิก ในที่สุดตัวเลข CPI ในเดือนเมษายนของญี่ปุ่นก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.5% ขึ้นยืนเหนือเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางที่ 2% ได้เป็นครั้งแรก แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น แต่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นกลับไม่ยอมทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและยืนกรานที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษต่อไป ซึ่งทำให้แนวโน้มของเงินเยนอ่อนค่าลง ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ เงินเยนได้อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และทิศทางในอนาคตยังคงไม่แน่นอน เงินเยนอาจยิ่งอ่อนค่าลงไปมากกว่านี้อีก หากว่า BoJ ไม่ยอมเปลี่ยนนโยบายการเงินมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเหมือนชาติอื่นๆ

ซัพพลายพลังงานและวัสดุอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ต้องพึ่งพาการนำเข้า การเสื่อมราคาระยะยาวของวอนเกาหลีทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศอื่น ๆ ก็ทำให้ระดับเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นเช่นกัน การเก็งกำไรของอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้น 50 จุดเบสิสในเดือนหน้าดูเหมือนจะค่อนข้างเป็นไปได้ ท่ามกลางความหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่อาจจะช่วยให้เงินวอนฟื้นตัว