เมื่อเร็วๆ นี้ แนวโน้มราคาน้ำมันโลกมีความผันผวน เนื่องจากการส่งออกน้ำมันของลิเบียถูกสกัดกั้นจากตลาดต่างประเทศ ทำให้ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบโลกเพิ่มสูงขึ้น ตามรายงานของสื่อ กองกำลังชนเผ่าสามารถยึดคลังน้ำมันส่งออกตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือและทางตอนใต้ของประเทศได้หลายแห่ง ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลของลิเบียจึงสั่งให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติ 5 สาขาระงับการส่งออกน้ำมันจากแหล่งน้ำมันมากกว่า 50 แห่งและท่าเรือน้ำมันหลายแห่ง
ในขณะเดียวกัน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงไม่มีสัญญาณของการหยุดยิง ปัจจัยเหล่านี้ยังคงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาน้ำมันในต่างประเทศ ความตึงเครียดด้านอุปทานน้ำมันดิบโลกจะยังคงทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง แต่คำถามคือราคาน้ำมันจะเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นไปเมื่อไหร่?
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกค่อนข้างมีจำกัด
ลิเบียเข้าร่วมกลุ่ม OPEC ในปี 1962 และมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามากที่สุดในแอฟริกา บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียกล่าวว่าคำสั่งห้ามการส่งออกน้ำมันส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน ทำให้ตอนนี้มีแหล่งน้ำมันเพียงสองแห่งในลิเบียเท่านั้นที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้ายังขาดแคลน
ปัญหาภายในประเทศของลิเบียไม่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงที่จะมีการปิดกั้นแหล่งน้ำมันเพื่อประท้วงหรือเรียกร้องเงื่อนไขต่างๆ จากกลุ่มต่อต้านอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการส่งออกน้ำมันของลิเบีย ที่ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวกมากนัก จะยังคงทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นในระยะสั้น แต่ก็ไม่สามารถทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแรงจนเกินไป ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกได้ทำให้ราคาน้ำมันระหว่างประเทศปรับตัวสูงขึ้นเป็นเวลาสี่วันติดต่อกัน ก่อนปรับตัวลดลงมา
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2022 เลขาธิการสหประชาชาติ แอนโตนิโอ กูตาเรส (António Guterres) เรียกร้องให้มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อหยุดสงครามกลางเมืองในลิเบีย ขณะนี้รัฐบาลของประเทศต่างๆ กำลังเร่งเพิ่มความพยายามทางการทูต เพื่อส่งเสริมสันติภาพและการหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นได้อีก ดังนั้นนักลงทุนจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับปัญหาในท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด
โอกาสของราคาน้ำมันดิบในการปรับตัวขึ้นในอนาคตเป้นเช่นไร?
จีน ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก มีการนำเข้าน้ำมันอย่างจำกัด สาเหตุเป็นเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมของประเทศชะลอตัวลงเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าการระบาดใหญ่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนในไม่ช้า และการส่งออกก็จะกลับสู่ระดับปกติ ไม่มีการหนุนราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นอีกต่อไป นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ สร้างแรงกดดันต่อขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมราคาน้ำมันถึงได้ลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ณ วันที่ปิดตลาดซื้อขายเมื่อวันที่ 19 เมษายน สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนพฤษภาคม ปิดตัวลดลง 5.22% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 102.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายนปิดตัวลดลง 5.22% ที่ 107.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากการระงับการผลิตและส่งออกน้ำมันในลิเบียแล้ว สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยลบต่อตลาด สหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะปล่อยน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงหกเดือนข้างหน้าเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และคาดว่าจะปล่อยน้ำมันสำรองอีก 180 ล้านบาร์เรลไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง หากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินต่อไป น้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ จะหมดลงอย่างรวดเร็ว และระดับอุปทานก็จะกลับมามีปัญหาไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานได้ โลกอาจต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากช่องว่างระหว่างอุปสงค์อุปทานน้ำมันดิบ ที่เกิดจากการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย มีมากเกินไป และอาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอีกในปีนี้
นักลงทุนควรให้ความสนใจกับนโยบายของสมาชิกโอเปก ในการเพิ่มการผลิตน้ำมันด้วย ในเดือนมีนาคม สมาชิกทั้ง 13 ประเทศเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 57,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งไม่ถึงเป้า 400,000 บาร์เรล การล็อกดาวน์ของจีนจะส่งผลต่อความตั้งใจของกลุ่มในการเพิ่มการผลิต ส่งผลให้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีซัพพลายน้ำมันไม่เพียงพอจะยังคงดำเนินต่อไป
ในระยะสั้น ประเด็นอย่างเช่น การดึงเอาน้ำมันสำรองเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ออกมาและนำเข้าสู่ตลาดโลก อุปสงค์น้ำมันจากจีนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังสามารถสกัดขาขึ้นของราคาน้ำมันได้ในระดับหนึ่ง จากการประมาณการของ Bank of America ราคาน้ำมันอาจถูกจำกัดให้วิ่งอยู่กรอบราคาไม่เกิน 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงหน้าร้อนนี้ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงกลางปี
ในระยะกลางถึงระยะยาว ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานจะยังคงทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อไป ซึ่งอาจยังคงแกว่งตัวที่จุดสูงในปัจจุบันเป็นเวลานาน