ในช่วงเช้าวันพุธ สกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ร่วงลงมากกว่า 5% ร่วงลงต่ำกว่า $100,000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และเป็นการเทขายต่อเนื่องที่เริ่มต้นขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่เรียกว่า Black Friday ของตลาดคริปโตในช่วงกลางเดือนตุลาคม การร่วงลงครั้งนี้ถือเป็นการร่วงลงอย่างหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่ราคาแตะระดับสูงสุดตลอดกาลเหนือ 126,000 ดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้านั้น และเป็นการร่วงลงครั้งแรกในเดือนตุลาคมนับตั้งแต่ปี 2018

กราฟ BTC 24 ชั่วโมง
คำถามสำคัญตอนนี้คือ การย่อตัวลงครั้งนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะขาลงที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงจรความผันผวนของคริปโต หรือเป็นการเปิดทางสู่โอกาสในการเข้าซื้อ
บรรยากาศตลาดกำลังเข้าสู่ภาวะระมัดระวัง ตามข้อมูลของ CoinMarketCap ดัชนีประเมินความกลัวและความโลภในตลาดคริปโตฯ (Crypto Fear & Greed Index) ปรับตัวเข้าสู่ระดับ “กลัว” ในวันอังคาร จากเดิมที่ระดับ “เป็นกลาง” เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า สะท้อนถึงความกังวลในหมู่นักลงทุนที่เพิ่มขึ้น

กระแสเงินไหลออกจาก ETF ของบิตคอยน์กำลังเร่งตัวขึ้น ข้อมูลจาก SoSoValue แสดงให้เห็นว่า iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock, Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) ของ Fidelity และ Bitcoin Trust (GBTC) ของ Grayscale มีกระแสเงินไหลออกสุทธิรวมกันประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ส่วน ETF ของ ETH มีมูลค่าลดลงประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
คริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ มีสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าบิตคอยน์ Ether (ETHUSD) และ Solana (SOLUSD) ร่วงลงมากกว่า 8% การเทขายครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น MicroStrategy (MSTR), Coinbase Global (COIN) และ Robinhood (HOOD) ปิดตลาดลดลงอย่างน้อย 6% และยังคงเป็นขาลงหลังจากการปิดตลาด
แต่ก็ยังมีสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอยู่บ้าง MicroStrategy ซึ่งก่อตั้งโดย Michael Saylor ผู้เผยแพร่แนวคิดเรื่องบิตคอยน์ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่าได้ซื้อ Bitcoin จำนวน 397 เหรียญระหว่างวันที่ 27 ตุลาคมถึง 2 พฤศจิกายน โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 114,771 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องของบริษัทที่มีต่อสินทรัพย์ดังกล่าว

