หลังจากทำลายแนวต้านที่ 1860 ดอลลาร์ เพื่อทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1869 ดอลลาร์ ทองคำโลหะมีค่าเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรงจากแนวโน้มขาลงเมื่อวานนี้ เมื่อรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ นักลงทุนขาขึ้นอาศัยจังหวะทำกำไรอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นักลงทุนขาลงจะกลับเข้ามาเทขายสวนลงมาในทันที ซึ่งทำให้ราคาทองคำทะลุลงไปที่ 1842 ดอลลาร์ กลับเข้าสู่สภาวะปกติที่เทรนด์ใหญ่ของราคาทองคำยังคงเป็นแนวโน้มขาลง
ปัจจัยพื้นฐานใดบ้างที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ?
การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อลงทุนในตลาดทองคำ คุณจำเป็นจะต้องทราบว่าราคามักจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐเสมอ เพราะเงินดอลลาร์จะถูกตรึงราคาไว้กับทองคำ ในการทำกำไรจากการซื้อขายทองคำ เทรดเดอร์ทุกคนต้องใส่ใจกับปัจจัยทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะปัจจัยเชิงบวกหรือลบ เพื่อคาดการณ์ได้ว่าทองคำจะวิ่งไปในทิศทางไหน
รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP)
รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันศุกร์แรกของทุกเดือน เวลา 8:30 น. EST ทำให้เกิดความผันผวนในทองคำสูง อัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นถือเป้นผลดีกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ในทางกลับกัน จะส่งผลกระทบต่อทองคำในเชิงลบ
เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
ทองคำได้รับผลกระทบหลักจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับประเทศที่เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่หรือผู้ซื้อทองคำ ตัวอย่างเช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อทองคำเป็นหลักตั้งแต่เริ่ม นักลงทุนรีบไปหาทองคำอย่างรวดเร็วในฐานะสินทรัพย์สำรองปลอดภัย ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่นักลงทุนชื่นชอบในช่วงเวลาของสงครามและวิกฤต
เงินเฟ้อ
ทองคำถูกมองว่าเป็นตัวป้องกันเงินเฟ้อ ดังนั้นราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นเสมอเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อเป็นพันธมิตรที่ดีต่อทองคำเป็นอย่างมาก
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักจะสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐแต่กดดันราคาทองคำ ก่อนที่ราคาทองคำจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.50% ส่งผลให้ราคาทองคำลงไปแตะจุดต่ำสุดใหม่ที่ 1785 ดอลลาร์ ค่าเงินที่อ่อนค่าลงในปัจจุบันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทองคำปรับตัวขึ้น
อุปสงค์และอุปทาน
ทองคำเป็นสินค้าโ-คภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการสูง ไม่เพียงแต่เพื่อการลงทุนเท่านั้น แต่ยังใช้ในการผลิตเครื่องประดับ เช่น เครื่องประดับ เหรียญกีฬา สิ่งของทางศาสนา ฯลฯ นอกจากนี้ ทองคำยังถูกใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์อีกด้วย ซึ่งหมายความว่ามีความต้องการทองคำยังคงมีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม อุปทานและอุปสงค์ทองคำเป็นไปตามฤดูกาลและช่วงเวลา เทรดเดอร์ทุกคนต้องใส่ใจกับช่วงเวลาที่มีความต้องการทองคำสูงอยู่เสมอ
เป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องทราบว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างไร การรวมปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้เข้ากับการเทรดทางเทคนิคทำให้เราทราบถึงแนวรับและแนวต้านที่ดีที่สุดในการวางเป้าหมายกำไร