เมื่อเทียบมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐแล้ว ทองคำ (XAUUSD) และโลหะเงิน (XAGUSD) ปรับตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ 1,753.04 และ 19.33 ดอลลาร์ตามลำดับ เช่นเดียวกันกับสกุลเงินดิจิตอลบิทคอยน์ก็มีความเคลื่อนไหวไม่ต่างกันทองคำและโลหะเงิน หลังจากขึ้นแตะ$25,000 ได้แล้ว เหรียญบิทคอยน์ก็ได้ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ การร่วงลงของสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าช่วงเวลาแห่งขาลงยังไม่จบ แม้ว่ารายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ จะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจะแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศอาจจะกำลังลดลงแล้วก็ตาม
ถ้อยแถลงเชิงรุกจากสมาชิกเฟดบางคนแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้นกว่า 75 จุดเบสิส คำพูดของพวกเขาได้ทำให้นักลงทุนบางคนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในมือ ก่อนการประชุมเฟดครั้งต่อไปในเดือนกันยายน
แมรี่ เดลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ให้ความเห็นว่ายังมีช่องทางให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะหมดไป เธอเชื่อว่าเฟดยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันต่อไปเพื่อให้เงินเฟ้อกลับลงมาอยู่ในกรอบเป้าหมายของเฟด ในขณะเดียวกัน นิล คัชคาริ (Neel Kashkari) ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส ได้กล่าวไปในทางเดียวกันว่าไม่เคยจินตนาการว่าสหรัฐฯ กำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่ายังเชื่อในความจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่หมัด
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และลดมูลค่าของสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ เนื่องจากการลงทุนต้องการถือดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ประโยคก่อนหน้านี้อธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมราคาทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์จึงได้กลับไปวิ่งในแนวโน้มขาลง หลังจากทราบถ้อยแถลงของสมาชิกเฟด เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 หรือ 75 จุดเบสิสในการประชุมครั้งถัดไปเดือนกันยายน
เพราะสินทรัพย์เสี่ยงที่กล่าวถึงนั้นอ้างอิงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงอย่างสินค้่าโภคภัณฑ์จึงได้ปรับตัวลดลง ความจริงนี้ ทำให้ทั้งสองตลาดเกี่ยวข้องกันในเชิงของการเป็นปรปักษ์ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าเมื่อไหร่ที่ดอลลาร์แข็งค่าหรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงจะมีมูลค่าลดลง
นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้คิดว่าเฟดไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อกดดันตลาดอีก ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ นักลงทุนมักจะพิจารณาทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์ ว่าเป็นหนทางที่ดีกว่าการถือเงินสด ในทางตรงกันข้ามสินทรัพย์เหล่านี้จะหยุดหน้าที่การป้องกันความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ เมื่อใดก็ตามที่ เฟดตัดสินใจที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเนื่องจากเงินเฟ้อที่สูง
ความเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์สหสรัฐกระทบโลกคริปโตฯ และโลหะมีค่าอย่างไร?
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์จะลดมูลค่าของทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ซึ่งหมายความว่าราคาสินทรัพย์เหล่านี้จะลดลงอย่างมากเมื่อใดก็ตามที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น และในทางตรงกันข้าม เมื่อใดที่สถานการณ์เป็นปกติ นักลงทุนจะกลับไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่นทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนมูลค่าลง
คาดการณ์ราคาทองคำ โลหะเงินและบิทคอยน์
ทองคำ โลหะเงิน และบิทคอยน์มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงในปัจจุบัน เนื่องจากตลาดกลับสู่โหมดความหลีกเลี่ยงความเสี่ยงก่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในเดือนกันยายน
ทองคำยังมีแนวรับที่มั่นคงที่ 1751.5 ดอลลาร์ การทะลุลงอาจเปิดประตูสู่ระดับแนวรับถัดไปที่ 1,716 ดอลลาร์ แต่ตราบใดที่ยังสามารถยืนเหนือแนวรับปัจจุบัน เราอาจได้เห็นทองคำขึ้นไปที่ 1,772 ดอลลาร์ แต่โดยภาพรวมแล้ว ทองคำตอนนี้ยังคงเป็นขาลง
ในส่วนของโลหะเงินนั้นวิ่งตามทองคำ แนวรับสำคัญของโลหะเงินนั้นอยู่ที่ $19.17 ซึ่งหมายความว่า การหลุดต่ำกว่าแนวรับนี้จะทำให้โลหะเงินปรับตัวลดลงไปวิ่งอยู่ที่ 18.74 ดอลลาร์ ในทางตรงกันข้าม หากราคายืนเหนือ 19.3 ดอลลาร์ เราอาจได้เห็นการพักตัวในระยะสั้น ก่อนที่จะปรับตัวลดลงต่อ ภาพรวมแล้ว ตลาดนี้ยังคงเป็นขาลง
สุดท้าย บิทคอยน์นั้นวิ่งอยู่ในแนวรับที่ 22,700 ดอลลาร์ กาหลุดแนวรับนี้อาจนำไปสู่แนวโน้มขาลงมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ 22,400 ดอลลาร์ การหลุดลงอาจทำให้ราคาร่วงได้ถึง 20,900 ดอลลาร์ หากแนวรับปัจจุบันยังยื้อเอาไว้ได้ เราอาจได้เห็นการปรับตัวขึ้นในระยะสั้น ถึงกระนั้น ภาพรวมของบิทคอยน์ยังคงเป็นแนวโน้มขาลง