ในช่วงเซสชั่นของเอเชียตลาดวันนี้ ราคาน้ำมันดิบต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อรัสเซียตัดสินใจที่จะตัดการจ่ายก๊าซธรรมชาติจากท่อส่งน้ำมัน Nord Stream 1 ไปยังสหภาพยุโรปเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสามสัปดาห์ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็น “ปัญหาทางเทคนิค” ของหนึ่งในใบพัดปฏิบัติการภายในท่อที่ส่งก๊าซไปยังยุโรป
สถานการณ์ทางพลังงานในยุโรปเปลี่ยนไปหลังจากบริษัทแก๊ซพรอม (Gazprom) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียประกาศว่าจะลดการจ่ายก๊าซไปยังสหภาพยุโรปเนื่องจากต้องบำรุงรักษาท่อส่งก๊าซอย่างเร่งด่วน ทางบริษัทจะหยุดกังหันอีกตัวใน Nord Stream 1 ซึ่งถือเป็นการลดการผลิตก๊าซรายวันลงเหลือ 20% และลดระดับการจัดหาก๊าซของยุโรปในปัจจุบันลงไปครึ่งหนึ่ง
ตามรายงานของแก๊ซพรอม การลดซัพพลายน้ำมันครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันพุธ เวลา 04:00 GMT ซึ่งจะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันในยุโรป ที่จนถึงตอนนี้ต้องพึ่งพาน้ำมันของรัสเซียสำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบทั้งหมดมากขึ้น หลังจากการประกาศของแก๊สพรอม ประธานาธิบดียูเครนนายวลาดิเมียร์ เซเลนสกี้ ได้กล่าวหารัสเซียว่าจงใจทำสงครามก๊าซกับยุโรปอย่างเปิดเผย ทางรัฐบาลเยอรมันก็ได้กล่าวหารัสเซียด้วยเช่นกัน พวกเขากล่าวว่าในทางเทคนิคแล้วไม่มีเหตุผลใช้ได้เลยที่รัสเซียจะจำกัดการจ่ายก๊าซไปยังยุโรปในตอนนี้
รัสเซียดูเหมือนจะทำให้ยุโรปอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง เนื่องจากการจำกัดการจ่ายก๊าซ ตอนนี้จะทำให้ประเทศในยุโรปหาก๊าซมาเติมได้ยากขึ้น ตอนนี้สหภาพยุโรปกล่าวหาว่ารัสเซียใช้แหล่งพลังงานของประเทศเป็นอาวุธต่อต้านพวกเขา
เพื่อแก้ไขกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการยุโรปได้เรียกเร้องให้ทุกประเทศในยุโรปลดการใช้ก๊าซลงอย่างน้อย 15% ในช่วงเจ็ดเดือนข้างหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปนางอังร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน กลัวว่าแผนการที่รัสเซียจะตัดการจ่ายพลังงานทั้งหมดที่ส่งสหภาพยุโรปอาจจะกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว และเตือนประเทศในสหภาพยุโรปทั้งหมดให้เตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ดังกล่าว
นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนสงสัยว่ารัสเซียอาจจงใจเล่นเกมนี้ใส่ยุโรป เลยสั่งให้ Gazprom ตัดการจ่ายก๊าซที่ไหลผ่านท่อส่งก๊าซธรรมชาติหลักของยุโรปที่รู้จักกันในชื่อ Nord Stream 1 ภายในเดือนนี้ลงกว่า 50% และตอนนี้พยายามที่จะลดเพิ่มอีก 20%
การตัดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 สู่ยุโรปในสัปดาห์นี้แทบจะเป็นช่วงเวลาดียวหลังกับที่รัสเซียหยุดการจ่ายก๊าซมายังยุโรปก่อนหน้านี้ เหตุผลที่ว่าต้องหยุดซ่อมบำรุง 10 วันนั้นดูไม่มีเหตุผลเพราะการบำรุงรักษาครั้งก่อนไม่ได้สร้างผลกระทบต่อยุโรปมากนัก ทำให้พวกจึงต้องเริ่มแผนการปิดซ่อมบำรุงรักษาระบบเป็นครั้งที่สอง หลายคนตำหนิรัสเซียว่าจงใจทำลายเศรษฐกิจยุโรป และเลือกตัดการจ่ายพลังงานไปยังยุโรปในเวลาที่จำเป็นที่สุด การกระทำนี้จะส่งผลไปถึงความต้องการเติมก๊าซธรรมชาติก่อนฤดูหนาว
ผลกระทบจากการตัดสินใจของรัสเซียมีผลกระทบกับราคาน้ำมันอย่างไร?
การตัดสินใจลดการจ่ายก๊าซไปยังยุโรปผ่าน Nord Stream 1 ในช่วงเวลาที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามา ทำให้ความต้องการน้ำมันและก๊าซเพิ่มสูงขึ้น เมื่อปริมาณการใช้ก๊าซสูงขึ้นมากเมื่อฤดูหนาวมาถึง แต่มีอุปทานเพียงเล็กน้อย เราจึงเชื่อว่าราคาน้ำมันจะสูงมากในฤดูหนาวที่กำลังจะถึงนี้ หลายประเทศยอมรับว่านี่คือสถานการณ์ที่ยากจะรับมือเพราะปัญหาเงินเฟ้อยังไม่จากไปไหน สงครามและปัญหาเศรษฐกิจจะนำไปสู้ภาวะถดถอยในยุโรปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การตัดแก๊สของรัสเซียไม่ได้ทำกับเฉพาะยุโรปเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ เช่น โปแลนด์ บัลแกเรีย ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ความต้องการน้ำมันจากประเทศต่างๆ เหล่านี้ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาน้ำมันในช่วงฤดูหนาวสูงขึ้น
ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงเซสชั่นเอเชียวันนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นจาก 95.26 ดอลลาร์ สร้างจุดใหม่ที่ 97.56 ดอลลาร์ คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 230 จุด ภายในระยะเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาเปิดที่ 99.20 ดอลลาร์ เป็น 101.92 ดอลลาร์ คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 272 จุด
นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ก่อนฤดูหนาว เพราะราคาน้ำมันที่ขาดแคลนอย่างรวดเร็ว ยุโรปเคยพึ่งพารัสเซียมากกว่า 40% ของการจัดหาก๊าซในแต่ละปี ระดับราคาเป้าหมายต่อไปของ WTI คือแนวต้านที่ 109.2 ดอลลาร์ ในขณะที่เบรนท์เล็งแนวต้านถัดไปที่ 113.5 ดอลลาร์
ธนาคารชื่อดัง โกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาน้ำมันจะสามารถ “แตะระดับ 140 ดอลลาร์ในไตรมาสที่สามของปี 2022 เนื่องจากการขาดแคลนน้ำมันที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย” โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะแตะสูงสุดที่ 135 ดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 และ 125 ดอลลาร์ในปี 2023
แม้จะมีความเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น แต่นักลงทุนต้องระวังขาลงของราคาน้ำมันในวันพรุ่งนี้ก่อนการประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าทางคณะกรรมการฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์อื่นๆ ที่ตรึงอยู่กับดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง