ทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญหลังจากแตะระดับ 1,807 ดอลลาร์ในวันพุธ การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เกิดขึ้นจากการรายงานตัวเลข CPI ที่ลดลงจาก 9.1% ในเดือนมิถุนายนเป็น 8.5% ในเดือนกรกฎาคม
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงทำให้นักลงทุนหวังว่าเฟดน่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกันยายนลง ดังนั้น ราคาทองคำจึงปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธเกิน 1,800 ดอลลาร์ ขานรับการกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำสาขาซานฟรานซิสโกนางแมรี่ ดาลีย์ กล่าวว่าเธอยังต้องการเห็นขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเบสิสในการประชุมครั้งถัดไปเดือนกันยายน ประธานเฟดแห่งมินนิอาโปลิสกล่าวเสริมว่าเขาข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่สามารถเปลี่ยนความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 3.9% ภายในสิ้นปีและ 4.4% ภายในสิ้นปี 2023 เขาถือว่าตอนนี้อัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่ และแนะนำว่าเฟดยังจำเป็นต้องอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอีก 75 จุดเบสิส ความเห็นเหล่านี้ทำให้นักลงทุนพิจารณาทำกำไรจากทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ หลังจากการดีดตัวขึ้นในวันพุธ
นักลงทุนทองคำหันไปให้ความสนใจกับรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UoM) ตลาดต้องการทราบว่าผู้บริโภคทั่วไปรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลขนี้จะเป็นตัวกำหนดนักลงทุนจำเป็นต้องกังวลกับความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟดอีกครั้งหรือไม่
รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของมหาลัยมิชิแกนเป็นดัชนีประกอบของความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้อมูลนี้ได้มาจากการสำรวจผู้บริโภคประมาณ 500 คน ที่ผู้ทำแบบสำรวจขอให้แสดงความรู้สึกที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเมินสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต
ผลของรายงานนี้จะไม่ส่งผลแต่เพียงแค่ทองคำอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะราคาโลหะเงิน (XAGUSD) และราคาน้ำมันดิบทั้งเบรนท์ และ WTI
ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันอย่างต่อเนื่องและได้รับอิทธิพลจากความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปัจจุบัน โลหะเงิน ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับทองคำ เราได้เห็นแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหญ่ในวันพุธหลังจากรายงานเงินเฟ้อ XAGUSD เริ่มกระโดดขึ้นไปที่ 20.81 เหรียญก่อนที่จะย่อตัวกลับลงมา ทำให้ราคาโลหะเงินในช่วงเซสชั่นเอเชียวันนี้ลดลงเป็น 20.28 เหรียญ น้ำมันดิบ (WTI) ปรับตัวขึ้นจาก 86.50 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้วเป็น 94.22 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ ส่วนเบรนท์ก็เพิ่มขึ้นจาก 92.42 ดอลลาร์เป็น 99.26 ดอลลาร์
ตัวเลข CSI เบื้องต้นจาก UoM จะส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามในวันนี้อย่างไร?
สินค้าโภคภัณฑ์เคลื่อนไหวโดยความเชื่อมั่นของตลาดเป็นหลัก ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่เรามักพบผู้คนที่ลงทุนผลิตภัณฑ์โดยพิจารณาจากความรู้สึกที่พวกเขามีต่อการลงทุน หรือสิ่งที่คนอื่นพูดกับพวกเขาเกี่ยวกับสินทรัพย์เสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์หลักทั้งสามก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับข้อเท็จจริงนี้เช่นกัน รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นจากมหาลัยมิชิแกนในวันนี้จะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อทองคำ โลหะเงิน และน้ำมันดิบความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทั้งสามขึ้นอยู่กับตัวเลขของรายงานนี้
ตัวเลข CSI ที่สูงขึ้นแสดงถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามนี้เป็นขาขึ้น ทำให้นักลงทุนสามารถคาดหวังว่าจะมีการทดสอบจุดสูงสุดในวันพุธอีกครั้งและอาจทะลุผ่านเขึ้นไปได้ ในทางตรงกันข้าม ตัวเลขที่ลดลงจะทำให้เกิดการเทขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ มีโอกาสที่การทดสอบจุดต่ำสุดของสัปดาห์ก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในทางกลับกัน ตัวเลขจาก UoM ที่ลดลงจะทำให้เกิดการเทขายในสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ หากเป็นเช่นนั้นจริง มีโอกาสที่ราคาจะลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่อยู่ใกล้ที่สุด
คาดการณ์ความเป็นไปได้ของสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามก่อนการรายงานตัวเลข CSI
เพราะดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยังสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับหลักที่ 105.1 ในช่วงเซสชั่นเอเชียในวันนี้ สินค้าโภคภัณฑ์สามชนิด เช่น ทองคำ โลหะเงิน และน้ำมันดิบ จะยังคงวิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์ชั่วคราว
หากดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (USDX) สามารถทะลุผ่านระดับแนวรับปัจจุบัน จะทำให้เกิดการเทขายในสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามนี้ก่อนรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นฯ มากขึ้น
หาก CSI ออกมาเกินคาดการณ์ที่ 52.5 ทองคำน่าจะสามารขึ้นไปทดสอบระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง ตัวเลขที่ต่ำกว่าาจผลักทองคำลงไปที่ระดับแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ แนวต้านที่สำคัญสำหรับโลหะเงินอยู่ที่ 21.50 ดอลลาร์ ในขณะที่แนวรับนั้นอยู่ที่ 19.83 ดอลลาร์ แนวต้านถัดไปสำหรับน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ $97.79 โดยมีแนวรับรายสัปดาห์อยู่ที่ $87.52
เทรดเดอร์ควรเฝ้าระวังการเบรกเอ้าท์หลอกโดยอาศัยแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมในขณะลงทุน