คู่กราฟ EURJPY ยังคงปรับตัวขึ้นโดยมีเป้าหมายอยู่ที่จุดสูงสุดของปีที่แล้วโดยไม่สนใจรายงานตัวเลขเงินเฟ่อที่เพิ่มขึ้นของยุโรปที่รายงานไปเมื่อวานนี้
กราฟ EURJPY รายสัปดาห์
EURJPY มีแนวต้านที่ระดับราคา 148 และนั่นอาจเป็นระดับต่อไปสำหรับแนวโน้มขาขึ้น ขาขึ้นในรอบนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากกว่า 300 pips แล้ว
อันที่จริงแล้ว ระดับเงินเฟ้อทั่วไปในยูโรโซนได้ลดลงมาที่ 8.5% แม้ว่านักลงทุนจะชื่นชอบตัวเลขนั้น แต่สิ่งที่ปรากฎออกมาก็ยังแสดงให้เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกไม่ได้ส่งผลตามที่ธนาคารกลางยุโรปต้องการ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5.6% จาก 5.3% ในเดือนมกราคม
ความเห็นจากประธานธนาคารกลางยุโรปยืนยันว่าการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งและธนาคารกลางฯ ยังต้องทำงานกันอีกมาก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคมเคยขึ้นไปสูงถึง 10.6% ก่อนจะปรับตัวลดลงเหลือ 8.6% ในเดือนมกราคม นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์จะลดลงมาที่ 8.2% อย่างไรก็ตาม ราคาอาหารที่วัดแบบเดือนต่อเดือนยังคงเพิ่มขึ้น ชดเชยต้นทุนพลังงานที่ลดลง
อ้างอิงรายงานจากรอยเตอร์ ประธาน ECB นางคริสตีน ลาการ์ด (Christine Lagarde) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการลดอัตราเงินเฟ้อจะต้องใช้เวลา ธนาคารกลางยุโรปยังคงกรอบอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายเอาไว้ที่ 2% ECB ระบุว่าการปรับขึ้นพื้นฐานอีก 50 จุดเบสิสนั้นเป็นไปได้ในการประชุมกันในช่วงปลายเดือนนี้ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซกส์ (Goldman Sachs)ได้เพิ่มการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำหรับ ECB และเชื่อว่าในเดือนพฤษภาคมจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 50 จุดเบสิส
เมื่อไม่นานมานี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปมีราคาซื้อขายที่จุดสูงสุดในรอบหลายปี เพราะนักลงทุนพิจารณาว่าธนาคารกลางฯ จะยังคงนโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อไป
สำหรับคู่เงินยูโรเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น การกระทำของ ECB จะทำให้มีนักลงทุนเข้ามาถือครองสกุลเงินทั้งสองมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงลังเลที่จะเปลี่ยนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
Stefan Angrick จาก Moody’s Analytics ให้ความเห็นกับ CNBC ว่าธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นอาจจะผ่อนคลายการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน และกล่าวว่าการยกเลิกนโยบายทั้งหมดเป็น “ทางเลือกที่สมเหตุสมผล”
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นคนใหม่นาย คาซูโอะ อุเอดะ กล่าวยอมรับต่อหน้ารัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาไม่มี “เวทมนตร์” หรือมีวิธีแก้ปัญหาที่เกิดนโยบายการเงินในปัจจุบันได้ทันที แต่ละจะลดผลกระทบจากการต่อสู้ที่ยาวนานหลายทศวรรษของประเทศและเพิ่มสภาพคล่องให้ได้มากที่สุด
ญี่ปุ่นพึ่งได้ประสบกับปัญหาเงินเฟ้อในปีที่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ BOJ จะเข้าแทรกแซง ความเป็นไปได้นี้อาจเป็นแรงหนุนที่ช่วยให้เงินยูโรเทียบเยนขึ้นทดสอบจุดสูงสุดในปี 2022
ในเมื่อ BoJ ยอมให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น มันก็จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อตลาดพันธบัตรทั่วโลกแต่จะหนุนค่าเงินเยน นักลงทุนญี่ปุ่นที่ไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อรับผลตอบแทนก็จะนำเงินจากต่างประเทศกลับเข้ามาด้วย
โรบิน วิงเคลอร์ นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank กล่าวว่า “นักลงทุนญี่ปุ่นมีการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ประเทศตัวเองต่ำกว่ามาตรฐาน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขามักจะโยกเงินทุนจำนวนมากที่ลงทุนในต่างประเทศกลับญี่ปุ่นเพราะต้องการทางเลือกอื่นกับการลงทุนในประเทศ”