ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตรียมประกาศทิศทางนโยบายการเงินใหม่ล่าสุดนักลงทุนในตลาดหลายคนเชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันนี้ อันที่จริง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งอังกฤษ ได้ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจาก 0.1% เป็น 0.25% กลายเป็นธนาคารกลางยักษ์ใหญ่แห่งแรกที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นับตั้งแต่การระบาดของโควิด นอกจากนี้ ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามรัสเซียยูเครนได้ทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้นเกินความคาดหมายของตลาด ยิ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของเงินเฟ้อ
ในช่วงเวลาที่ข่าวโลกการเงินโฟกัสไปที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน การยกเลิกการมาตรการคุมเข้มทางสังคม ทำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักรในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% YoY สูงที่สุดในรอบ 30 ปี ตัวเลขดังกล่าวดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ BoE ที่ 2% อย่างไรก็ตาม ตลาดเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรยังไม่ถึงจุดสูงสุด
เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดเบสิสเป็น 0.5% นั่นจึงทำให้นักลงทุนลุ้นกับว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามในการประชุมคืนนี้หรือไม่ เกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์เมื่อวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดเบสิสเป็น 0.75% ในการประชุมคืนนี้ หากการคาดการณ์เป็นจริง จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997 ที่ธนาคารกลางอังกฤษได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามครั้งติดต่อกัน
ในการประชุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ 4 คนเห็นชอบที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอีก 0.5 % เป็น 0.75% ทันที ดังนั้นนักลงทุนบางคนจึงเชื่อว่ามีโอกาส 50% ที่การประชุม MPC ของ BoE วันนี้จะส่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดเบสิส แต่คาดการณ์นี้เป็นสิ่งที่ BoE ไม่เคยทำมาก่อน
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีความตึงตัวมากขึ้น ในช่วงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษประกาศแผนการที่จะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรจำนวน 895 พันล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ตอนนั้น ขนาดของการซื้อพันธบัตรยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เป็นผลให้นักลงทุนพร้อมที่จะกลับไปซื้อพันธบัตรของ BoE ที่คาดว่าจะเริ่มลดขนาดงบดุลได้เร็วที่สุดในเดือนมีนาคม ดังนั้นจังหวะและเวลาของการปรับลดจึงเป็นอีกจุดสำคัญของการประชุมในคืนนี้
มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง?
หลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอุบัติขึ้น ราคาพลังงานในสหราชอาณาจักรพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระดับเงินเฟ้อขยับขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่แล้ว ตามรายงานของธนาคารกลางอังกฤษ อัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคคาดว่าจะแตะจุดสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเมษายน ซึ่งคาดการณ์ว่าภาษีพลังงานในครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตในยูเครน ดังนั้น หลายคนคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไป ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนในตลาดบางคนจึงคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 75 จุดเบสิส และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ถึง 4 ครั้งในปี 2022
(อ้างอิง: คาดการณ์นโยบายการเงินและเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรจากรอยเตอร์)
จากมุมมองของการเติบโตทางเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ในเดือนมกราคม GDP ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.8% MoM ซึ่งเกินความคาดหมายของตลาดอย่างมากที่ 0.1% และก่อนหน้านี้ที่ -0.2% ในขณะเดียวกัน รายงานตัวเลข GDP YoY เพิ่มขึ้น 10% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9.3% และก่อนหน้านี้ที่ 6% ระดับความต้องการของตลาดในสหราชอาณาจักรอาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการฟื้นตัวอย่างครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม
ในช่วงสามเดือนมาจนถึงมกราคม อัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรลดลงมาอยู่ที่ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 แต่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้นำไปสู่การขาดแคลนสินค้าจำนวนมาก ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศอังกฤษจึงสามารถเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 2% จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้อมูลอัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรจึงกลายเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับตลาดลงทุนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
โดยรวมแล้ว ค่าเงินปอนด์ยังคงมีแนวโน้มที่ดี เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ ช่วยหนุนให้คู่สกุลเงิน GBP/EUR และคู่สกุลเงินอื่นๆ ที่มีปอนด์นำแข็งค่าขึ้น สิ่งที่นักลงทุนต้องระวังคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจชะลอขาขึ้นของสกุลเงินปอนด์ได้