ประเด็นที่ตลาดลงทุนมีความกังวลมากที่สุดในเวลานี้ความเป็นไปได้ของรายงานตัวเลข PMI หากข้อมูล PMI ที่ไม่เกียวข้องการผลิต ในเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ จาก ISM หดตัว การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมบริการจากช่วงโควิดจะทำได้ยากมากยิ่งขึ้น
ความยากในการจ้างงาน ข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และคำสั่งซื้อจากโรงงานที่ลดลง ทำให้ดัชนีที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต ISM ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนออกมาอยู่ที่ 55.3 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 54.3 นอกจากนี้ ตราบใดที่ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ยังคงหมายถึงการเติบโตจากการหดตัว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวกลับปรับตัวลดลงมาเป็นเวลาสามเดือนติดต่อกัน แตะจุดต่ำสุดใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ตลาดคาดว่าข้อมูลตัวเลข PMI ในเดือนกรกฎาคมจะออกมาอยู่ที่ 54 จุด ซึ่งแสดงถึงการปรับตัวลดลงอีก ถือเป็นการบ่งชี้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะยังคงเป็นลบ
ตลาดมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ เนื่องจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงติดต่อกันหลายวัน ในชณะที่กำลังเขียนบทความนี้ ดัชนี DXY วิ่งอยู่ที่ประมาณ 105 และยังคงมีแรงกดดันเชิงลบอยู่ เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ค่าครองชีพในสหรัฐอเมริกายังคงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดความท้าทายอย่างมากสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากข้อมูลเศรษฐกิจหลายชุดเริ่มหดตัวลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าดัชนีการผลิต ISM เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 52.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดใหม่ล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2020 แต่ผลที่ออกมานั้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 52 ตัวเลขสุดท้ายของ PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 52.2 ซึ่งต่ำกว่าคาดและตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 52.3 เล็กน้อย ข้อมูลนี้แสดงว่าการผลิตในสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ยอดคำสั่งซื้อใหม่ของสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคม ที่ลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดแรงงาน และแสดงให้เห็นความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ ตัวเลขคำสั่งซื้อใหม่ในเดือนกรกฎาคมนั้นออกมาอยู่ที่ 48 ต่ำกว่าที่คาดไว้ 49 และตัวเลขก่อนหน้านี้ 49.2 นอกจากนี้ ดัชนีสินค้าคงคลังยังคงเพิ่มขึ้นจาก 56 ในเดือนมิถุนายนเป็น 57.3 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1984 สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังจากฝั่งผู้ผลิตอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ รายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะถดถอย ข้อมูลทางการเงินที่ซบเซาทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับความสามารถของตลาดแรงงาน สมมติว่าตลาดในเดือนกรกฎาคมแรงงานอ่อนแอกว่าที่คาด ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนอย่างรุนแรงจะลดลงอย่างมาก แรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็จะลดลงตามในไม่ช้า ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
ดังนั้น รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินความสามารถของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเบสิสสองครั้งติดต่อกัน ข้อมูลดังกล่าวยังช่วยยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะชะลอตัวหรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนควรให้ความสนใจกับการประกาศข้อมูลตัวเลขนี้อย่างใกล้ชิด ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ รวมกับข้อมูล PMI ในหลายๆ ภาคส่วนจะให้แนวทางเกี่ยวกับเศรษฐกิจล่าสุด รวมถึงความเป็นไปได้ของค่าเงินดอลลาร์ในอนาคต และแนวโน้มที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
การคาดการณ์สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนกันยายนของตลาดนั้นลดลงอย่างมากจากสถานการณ์ปัจจุบัน นักลงทุนบางรายกำลังเดิมพันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นจุดเปลี่ยนเทรนด์หรือไม่ ถือเป็นสัญญาณขาลงสำหรับค่าเงินดอลลาร์ แต่อาจนำโอกาสมาสู่ขาขึ้นในตลาดทองคำ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 อย่างไรก็ตาม เรายังต้องรอการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจหลายอย่างในสัปดาห์นี้ หลังจากพิจารณาสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้ว แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและราคาทองคำจะมีความชัดเจนมากขึ้น