ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 52 ปี อันเนื่องมาจากปัจจัยมากมายเช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อที่สูง และสงครามรัสเซีย-ยูเครน นั่นจึงทำให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจกับการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ETF ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ บางคนก็หวังว่า ETF จะช่วยให้การจัดสรรสินทรัพย์การลงทุนของพวกเขามีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ บางคนต้องการหาสินทรัพย์ที่สามารถคานกับเงินเฟ้อ มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อป้องกันความเสี่ยง
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดหลักทรัพย์จีน (CSRC) ของฮ่องกงได้ออกประกาศอนุมัติการตั้งกองทุนรวม ETF ที่เข้าเกณฑ์ในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงและแผ่นดินใหญ่อย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ การซื้อขาย ETF ที่มีความเกี่ยวข้องกันจะเริ่มในวันที่ 4 กรกฎาคม 2022 นักลงทุนในฮ่องกงและต่างประเทศทั้งหมด รวมทั้งนักลงทุนสถาบันและบุคคลทั่วไป จะมีสิทธิ์ลงทุนใน ETF ที่จดทะเบียนใน SSE ที่อยู่ในการดูแลของ SSE Stock Connect และ ETF ที่จดทะเบียนใน SZSE
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงมานานกว่าครึ่งปี ถึงกระนั้น กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ ETF ยังไม่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนใน Reversed ETF ที่ได้รับผลตอบแทนมหาศาล ตามสถิติที่รวบรวมโดย ETFGI ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของอังกฤษ การลงทุนใน ETF ในเดือนพฤษภาคมยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีการไหลเข้าของเงินทุนสุทธิ 80.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระดับการไหลเข้าของเงินทุนสะสมคิดเป็น 417.87 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม สูงเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์การลงทุน ETF เป็นรองเพียง 572.36 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อขายรายวันโดยเฉลี่ยของตลาดฮ่องกง ETF เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 สูงสุดเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลที่อ้างอิง จะเห็นได้ว่าความกระตือรือร้นของนักลงทุนที่มีต่อ ETF เพิ่มขึ้นในปีนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่การเลือกสินทรัพย์ ETF ในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง เนื่องจากปัจจัยผลักดันความเคลื่อนไหวของราคามีการเปลี่ยนแปลงไป เช่นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ การขาดแคลนพลังงานและปัญหาอื่น ๆ ยังคงผลักดันราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้นักลงทุนที่ถือออเดอร์ยาวใน ETF ด้านพลังงานกลายเป็นผู้ที่ได้กำไรมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 นักลงทุนกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ลงทุนใน ETF ของหุ้นสหรัฐฯในครึ่งแรกของปี 2022 ที่มีอัตราการเติบโต สอดคล้องกับดัชนี S&P 500 ภาคพลังงานที่ปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่นักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ด้านพลังงานในช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำเงินได้มากมาย แนวโน้มของราคาในตอนนี้จึงไม่คงที่เนื่องจากมีการปิดคำสั่งซื้อขายเพื่อทำกำไรเอาไว้ก่อน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหินและหุ้นพลังงานอื่นๆ อาจปรับตัวลดลง เพราะราคาพลังงานที่แพงเกินไปจนผู้คนไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้สะท้อนถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก เราเชื่อว่าประเด็นอาจสามารถยับยั้งความต้องการน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทเชื้อเพลิงได้ในระดับหนึ่ง
ในการประชุมครั้งล่าสุดของกลุ่ม OPEC+ เมื่อเร็วๆ นี้ได้ยืนยันว่าพวกเขาจะผลิตน้ำมันตามแผนการปรับโควตาการผลิต ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ผู้นำของกลุ่มพันธมิตรฯ ตัดสินใจเพิ่มโควตาการผลิตน้ำมันดิบในเดือนสิงหาคมขึ้นเป็น 648,000 บาร์เรลต่อวัน ฟื้นระดับการผลิตน้ำมันให้กลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาด ข่าวการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง ประกอบกับการหาตลาดน้ำมันดิบและก๊าซทางเลือกอื่นนอกจากรัสเซีย ส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง ปัจจัยเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความผันผวน และความไม่แน่นอนมากขึ้นต่อการลงทุนใน ETF ด้านพลังงาน ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 แม้ความเสี่ยงในการลงทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่นักลงทุนที่ลงทุนใน Revesed ETF อาจไม่คิดเช่นนั้น
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 นักลงทุน ETF ควรให้ความสำคัญกับตลาดหุ้นมากขึ้น เพราะเชื่อว่าความเคลื่อนไหวของราคาน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ จะมีกองทุน ETFs ที่ลงทุนกับหุ้นบริษัทที่ไม่สนับสนุนคาร์บอน 8 ตัว จะได้รับการอนุมัติให้ลงทุนอย่างเป็นทางการในต้นเดือนกรกฎาคมปี 2022 นอกจากนี้ การลงทุนในหุ้นอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ เซลล์แสงอาทิตย์ การจัดเก็บพลังงาน และห่วงโซ่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจนำโอกาสใหม่ๆ เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของ 2022 เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของตลาด การเติบโตของรายได้มีแนวโน้มและเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ และหน่วยงานอื่นๆ อีก 5 หน่วยงาน ซึ่งก่อนหน้านี้สนับสนุนเครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะสีเขียว ได้เห้นถึงความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและหันมาร่วมมือกัน ในขณะที่สถานการณ์การระบาดใหญ่ในจีนดีขึ้น เราจึงเชื่อว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และภาคอื่นๆ อาจได้รับแรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาล ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
นอกจากนี้ แนวคิดของการสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมที่ชาญฉลาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังทำให้โอกาสของรถยนต์พลังงานใหม่และอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ที่เกี่ยวข้องทั่วโลกปรับตัวขึ้น นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ยั่งยืนในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น เพราะนักลงทุนจะเริ่มทยอยลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยง พฤติกรรมของนักลงทุนที่มักจะระมัดระวังในการเลือกหุ้นจากกลุ่มพลังงานใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกจะเริ่มหายไป
