บริษัทแม่ของแอปพลิเคชันชื่อดังเฟซบุ๊กนามเมตาแพลตฟอร์ม (META) ได้มีการรายงานผลประกอบการไปแล้วในวันพุธหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดลง แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทจะสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่นักลงทุนต้องพิจารณา
กราฟหุ้น META รายสัปดาห์
หุ้น META พุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ระดับ $100 ก่อนจะขึ้นมาเจอแนวต้านที่ $150 หุ้นเมตาจำเป็นต้องขึ้นยืนเหนือ $154 เพื่อให้มีแรงสำหรับการปรับตัวขึ้นต่อไป
แต่หลังจากทราบตัวเลขรายได้ของแอปโซเชียลมีเดีย “Snap” ที่ไม่น่าประทับใจนั้น หุ้นเมตาก็ปรับตัวร่วงลง Snap กล่าวว่ารายรับสำหรับสามเดือน ที่นับถึงเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากปีที่แล้วที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่บริษัทเปิด IPO ในปี 2017
Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap กล่าวยอมรับว่า “อุปสงค์ในการโฆษณาไม่ได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้แย่ลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน” โฆษณาเป็นรายได้หลักให้กับเมตามาตลอด และจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการรายงานตัวเลขผลกำไรจองบริษัท
Dan Ives นักวิเคราะห์ของ Wedbush กล่าวในจดหมายถึงนักลงทุนในสัปดาห์นี้ว่าการใช้จ่ายด้านโฆษณาที่ชะลอตัวจะยังคงเป็นปัญหาของเมตาต่อไป เนื่องจาก “โฆษณาดิจิทัลยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไปเพราะบริษัทผู้ฝากโฆษณายังไม่มีเสถียรภาพที่มั่นคง”
ในเดือนพฤศจิกายน บริษัทเมตาได้ประกาศลดจำนวนพนักงานลง 11,000 คน และมีรายงานว่ามีงานหลายตำแหน่งที่บริษัทตัดสินใจทิ้งไป เมตากำลังปกป้องการเสนอซื้อกิจการของผู้พัฒนา VR ที่ถูกกล่าวหาเรื่องการผูกขาดการค้า ซึ่งเป็นข้อตกลงมูลค่า 440 ล้านดอลลาร์ที่ประกาศในเดือนตุลาคม 2021 เพียงหนึ่งวันหลังจากการรีแบรนด์บริษัทจากชื่อเฟซบุ๊ก (Facebook)
แอนดรูว์ บอสเวิร์ธ CTO ของ Meta กล่าวถึงดีลนี้ว่า “หากข้อตกลงนี้ไม่สามารถบรรลุได้ในเวลาที่เหมาะสม เราอาจจะเลือกที่จะไม่ทำมันต่อ”
นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทเมตาแพลตฟอร์มในไตรมาสที่ 4 จะรายงานรายได้ที่ลดลง 6.5% ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามแล้ว Stephen Ju นักวิเคราะห์ของ Credit Suisse ยังคงยกให้หุ้นเมตาอยู่ในระดับ “โดดเด่น” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 180 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าคิดเป็นขาขึ้น 21% จากระดับราคาในปัจจุบัน