หลังจากที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีหญิงคนล่าสุดนางลิซ ทรัสส์ ต้องถูกเรียกคืนเนื่องจากทนกระแสต่อต้านไม่ไหวก็ได้ทำให้คู่เงินเปรียบเทียบระหว่าง GBPUSD สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่เรื่องราวนั้นยังไม่จบ เพราะในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากทั้งฝั่งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
กราฟ GBPUSD รายสัปดาห์
กราฟรายสัปดาห์รูปนี้แสดงให้เห็นแนวต้านสำคัญของ GBPUSD ที่ 1.1410 หลังจากราคาไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือได้ ทำให้ทางเทคนิคแล้วมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงต่อ แต่สถานการณ์ทางเทคนิคจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการรายงานข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจแรกของสัปดาห์ที่นักลงทุนจะได้เจอคือการรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหราชอาณาจักร ในวันอังคาร ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะมีคนตกงานในประเทศ -127,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า แม้จะลดลง แต่อัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 3.6%
ถัดมาหลังจากวันนั้น จะมีการรายงานตัวเลขการเติบโตของจีดีพีล่าสุดในสหราชอาณาจักร โดยคาดว่าจะลดลง -0.2% ในช่วงสามเดือน ที่นับมาจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม
ในวันพฤหัสบดี เราจะได้รับข้อมูลแรกของสัปดาห์จากฝั่งสหรัฐฯ กันบ้าง ซึ่งจะมีการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ตามด้วยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ครั้งล่าสุด
หลังจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเมื่อวันศุกร์ออกมาดี ตลาดก็ได้กลับไปกังวลกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีกครั้ง หากตัวเลขเงินเฟ้อของอเมริกาในวันพฤหัสบดีออกมาสูง ตลาดคาดว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น 75 จุดเบสิส โดยบางคนคิดว่าอาจจะได้เห็น 100 จุดเบสิสเลยด้วยซ้ำ อนึ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือมาตรวัดเงินเฟ้อในเดือนที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 8.3% และตัวเลขคาดการณ์ 8.1% และตอนนี้เราคาดว่าตัวเลขในเดือนกันยายนจะออกมาเท่ากัน
วันศุกร์นี้จะเป็นวันที่วุ่นวายมากที่สุด เพราะสหรัฐอเมริกาจะมีการรายงานตัวเลขยอดค้าขายปลีกสำหรับผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกน คาดว่ายอดค้าปลีกจะลดลงเหลือ 0.2% จาก 0.3% เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกขาดความเชื่อมั่น
ข้อมูลในวันอังคารจะเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด เชื่อได้เลยว่าจะเกิดความผันผวนในตลาดเกินขึ้น หากความคาดหวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดลดลง เงินปอนด์เทียบดอลลาร์จะสามารถทะลุผ่านแนวต้านล่าสุดได้ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับตัวเลขการจ้างงานและการเติบโตของอังกฤษเป็นสำคัญ