สถานการณ์โดยรวมของราชาสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงไม่ต่างจากหุ้นกลุ่มเทคโนโฃยีหรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เมื่อสองปีก่อน บิทคอยน์เคยยิ่งใหญ่จากการอ่อนค่าของเงินดอลาร์สหรัฐ แต่ในวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไป การขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและส่งตลาดสกุลเงินดิจิทัลลงสู่ก้นเหว
กราฟ BTCUSD รายสัปดาห์
ที่ผ่านมา บิทคอยน์ได้พยายามปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดในเดือนกรกฎาคม แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะดึงนักลงทุนให้กลับมามีความเชื่อมั่นกับขาขึ้นของสกุลเงินบิทคอยน์ได้อีกครั้ง
สถานการณ์ภาพลักษณ์ของสกุลเงินดิจิทัลยิ่งแย่ลงไปอีก เมื่อเกิดการโจมตีล่าสุดกับบริษัทตัวกลางการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างไบแนนซ์เกิดขึ้น การแฮ็กการไบแนนซ์ครั้งนี้คิดเป็นเงินมูลค่า 570 ล้านดอลลาร์ เหรียญ BNB ได้รับผลกระทบ แม้ทางบริษัทจะสามารถจำกัดความเสียหายได้ แต่เป็นการแฮ็กครั้งนี้ถือเป็นการแฮ็กใหญ่ครั้งที่สามของบริษัท exchange ที่เกิดขึ้นในปีนี้แล้ว
ฉาง เผิงจ้าว CEO ของไบแนนซ์ยืนยันว่าการแฮ็ก: “การใช้ประโยชน์จาก BSC Token Hub ส่งผลให้มี BNB พิเศษออกมา เราได้ขอให้ผู้ตรวจสอบทั้งหมดระงับการทำธุรกรรมด้วย BSC ชั่วคราว ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เงินของคุณปลอดภัย เราขออภัยในความไม่สะดวก และจะแจ้งข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมหากมีข้อมูลอัปเดตสำคัญ” เขาทวีต
เนื่องจากเทคโนโลยีเชื่อมโยงบล็อคเชนที่แตกต่างกัน มันจึงมีจุดอ่อนในแง่ของปัญหาด้านความปลอดภัย และยิ่งสร้างอคติเขิงลบให้กับผู้ที่ไม่ชอบบิทคอยน์อยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ตลาดสกุลเงินดิจิทัลถูกสั่นคลอนหลังจากการล่มสลายของ Terra Stablecoin และหลายๆ โครงการบล็อกเชนในช่วงฤดูร้อน โครงการเหล่านั้นดึงดูดกระแสเงินทุนจำนวนมากจากทั่วโลกด้วยอัตราดอกเบี้ยเป็นศูนย์ แต่การทำนโยบายการเงินให้ตัวตัวเพื่อลดเงินเฟ้อครั้งใหญ่ของธนาคารกลางทั่วโลกก็ดูดเงินจากโครงการเหล่านั้นออกมา
ราคาบิทคอยน์ยังเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้น ที่สัปดาห์ที่แล้ว เราได้เห็นขาขึ้นของดัชนีดาวโจนส์เริ่มจางหายไป สร้างราคาปิดต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าในระหว่างนี้อาจจะได้เห็นตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อ
ข้อมูลทางเศรษฐกิจก็ถือว่าเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่ง การเติบโตของงานในสหรัฐฯ ชะลอตัวลงในเดือนกันยายน แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่ง แต่ก็ถือว่าลดลง 17% จากเดือนสิงหาคม แต่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 250,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานนั้นลดลงเป็น 3.5% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.7%
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ล่าสุดแสดงให้เห็นเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังชะลอตัว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เปลี่ยนแนวทางนโยบายการเงินในตอนนี้ได้ ล่าสุด CME FedWatch ประเมินว่ามีโอกาส 82.3% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเบสิสในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสูงกว่า 56.5% ในสัปดาห์ที่แล้วมาก คำถามต่อไปที่นักลงทุนสงสัยคือมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 100 จุดเบสิสเลยหรือไม่ ตัวเลขที่สูงขึ้นดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้เว้นแต่ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนในวันที่ 13 ตุลาคมจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ได้อย่างน่าประหลาดใจ
สำหรับบิทคอยน์ตอนนี้นั้นราคายังคงดิ้นรนเพื่อที่จะยืนเหนือ 20,000 ดอลลาร์ให้ได้ โดยมีความเสี่ยงที่ราคาจะลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 16,000 ดอลลาร์ หรือถ้าอย่างแย่ที่สุดก็คือการลงไปถึงระดับแนวรับ 10-12,000 ดอลลาร์