เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ได้ปรับตัวสูงขึ้นจนสามารถไปถึงระดับแนวต้าน $120,000 ได้เป็นครั้งแรก แต่หลังจากนั้น BTC กลับสร้างรูปแบบแท่งเทียนดาวตก ที่อาจเป็นตัวบอกใบ้ว่ามีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงได้ในอนาคตอันใกล้ จุดสูงสุดแห่งความยินดีนั้นตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายสำหรับการเทขาย
กราฟ BTCUSD รายวัน
เมื่อเร็วๆ นี้ ราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้น ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายคริปโทเคอร์เรนซีหลายฉบับในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลมีกรอบการกำกับดูแลใหม่ สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันได้ยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้สหรัฐฯ เป็น “เมืองหลวงคริปโทของโลก”
หนึ่งในร่างกฎหมายสำคัญคือ GENIUS Act ซึ่งจะกำหนดกฎเกณฑ์การกำกับดูแลระดับรัฐบาลกลางสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีเสถียรภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่ทางเลือกดิจิทัลแทนดอลลาร์ที่ธนาคารขนาดใหญ่นำมาใช้ ร่างกฎหมายอื่นๆ ที่กำลังจะถูกนำมาอภิปราย ได้แก่ Digital Asset Market Clarity Act และ Anti-CBDC Surveillance State Act
อีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาบิตคอยน์พุ่งสูงขึ้น คือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ขณะเดียวกันก็มีแรงเก็งกำไรมหาศาลในกองทุน ETF และการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้ราคาบิตคอยน์ผันผวนในกรอบราคาสูงสุดนี้ หากข่าวเปลี่ยนเป็นลบ ดอลลาร์สหรัฐเริ่มต้นปีที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 และนั่นเป็นแรงผลักดันให้สินทรัพย์ต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นในทุกด้าน
กองทุน ETF Bitcoin Spot มีเงินทุนไหลเข้า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่แล้ว และปัจจุบัน BlackRock iShares ETF มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ความคลั่งไคล้ของผู้บริโภคมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงระดับสูงสุดของสินทรัพย์ และราคาของ BTC จะยังคงสูงขึ้นต่อไปตามความเชื่อมั่นของเขา จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์แย่ๆ
ในขณะนี้ มีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากกระแสการเก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัล ขอให้ระมัดระวังข่าวการลงมติของรัฐสภา แม้แต่การอนุมัติ ก็อาจนำไปสู่การถอนตัวออกจากตลาด ตามคำกล่าวที่ว่า “ซื้อตามข่าวลือ ขายตามข่าวจริง” นักลงทุนอาจเทขายทำกำไร