ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ นามวอลล์มาร์ท จากรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทำให้นักลงทุนหวังว่ายอดขายของบริษัทแห่งนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
กราฟหุ้น WMT รายสัปดาห์
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา หุ้น WMT มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับราคารระหว่าง $153.40 ถึง $128 การดีดตัวกลับของราคาหุ้นอาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหากราคาไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับแนวต้านที่ใกล้ที่สุดในปัจจุบันขึ้นไปได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันประธานาธิบดี ส่วนการรายงานผลประกอบการของหุ้นวอลล์มาร์ทนั้นจะเกิดขึ้นก่อนตลาดลงทุนในวันอังคารเปิดทำการ
ผู้บริโภคชาวอเมริกันกลับมาจากเทศกาลจับจ่ายใช้สอยช่วงวันหยุดด้วยการใช้จ่ายในร้านค้าและร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี ตอกย้ำถึงความยืดหยุ่นในระบบเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นและต้องอยู่ภายใต้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งจากธนาคารกลางสหรัฐฯ
ยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมพุ่งขึ้น 3% หลังจากประสบกับภาวะตกต่ำในรอบ 2 เดือน นักวิเคราะห์เชื่อว่ากำลังการซื้อรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ของผู้บริโภคนั้นสามารถช่วยให้วอลล์มาร์ทมีรายได้รายได้ที่เพิ่มขึ้นได้
กำไรในไตรมาสที่ 4 ของวอลล์มาร์ทคาดว่าจะอยู่ที่ 1.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสของปีที่แล้ว รายรับในไตรมาส 4 คาดว่าจะอยู่ที่ 159.66 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4% YoY ตัวเลขเหล่านี้ดูเป็นไปได้และยอดขายจากสาขาเดิมซึ่งเป็นมาตรวัดมาตรฐานของหุ้นกลุ่มนี้ก็อาจเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน นักวิเคราะห์จากคาดว่ากำไรของวอลล์มาร์ทจะเติบโตขึ้นเป็น 3.6% แต่ Chuck Grom นักวิเคราะห์ของ Gordon Haskett คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.5% Grom กล่าวว่ายอดขายในช่วงวันหยุดมีแนวโน้มสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ตอนนี้วอลล์มาร์ทถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถปิดปีงบประมาณ 2023 ด้วยกำไรต่อหุ้นที่ 6.08 ดอลลาร์ ซึ่งจะลดลง -6% จากกำไรปีงบประมาณของ 2022 ที่ 6.46 ดอลลาร์ต่อหุ้น ผลประกอบการปีงบประมาณ 2024 คาดว่าจะดีดตัวขึ้น 6% เป็น 6.49 ดอลลาร์ต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม การประมาณการกำไรของบริษัทก็ลดลงเช่นกันตลอดทั้งไตรมาส นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นของบริษัทถึงต้องการความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค
รายรับของวอลล์มาร์ทคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ในปีงบประมาณ 2023 และอีก 3% ในปีงบประมาณ 2024 เป็น 627.30 พันล้านดอลลาร์ ปีงบประมาณ 2024 น่าจะเพิ่มขึ้น 22% จากระดับก่อนเกิดโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อสาขาแต่ละแห่ง โดยยอดขายในปี 2019 นั้นอยู่ที่ 514.40 พันล้านดอลลาร์