ตลาดลงทุนเริ่มเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการซื้อขายเดือนสิงหาคมหลังจากการประชุมใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แจ็คสันโฮลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เป็นตัวเลขเศรษฐกิจแรก ที่เปิดฉากการลงทุนในเดือนกันยายนนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตของตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะชะลอตัวลงครึ่งหนึ่งของเดือนสิงหาคม จากจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 528,000 ตำแหน่ง เป็น 290,000 ตำแหน่ง ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานคาดว่าจะมีตัวเลขอยู่ที่ 3.5% และอัตราค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยคาดว่าจะลดลงจาก 0.5% เป็น 0.3%
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯมีภาพการจ้างงานที่แข็งแกร่งมาตลอดช่วง 6 เดือนแรกของปี อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่ถึงระดับการจ้างงานสูงสุด สหรัฐฯ ก็ยังมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่ ตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของผู้หางาน สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ 153 ล้านคน และอัตราการว่างงานยังคงอยู่ณ จุดต่ำสุดในรอบครึ่งศตวรรษ
รายรับเฉลี่ยต่อชั่วโมงที่เก็บสถิติมาจนถึงเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 5.2% สูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตนั้นช้ากว่าช่วงก่อนหน้าในปี 2022 เพียงเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่การเติบโตของค่าจ้างจะกลับสู่ระดับของปีก่อนหน้า
อัตราการจ้างงานในเดือนสิงหาคมคาดว่าจะลดลง
นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าแนวโน้มตลาดแรงงานอาจเริ่มอ่อนตัวลงทีละน้อย ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หดตัว บริษัทต่างๆ ต่างระมัดระวังในการขยายและการจัดหางาน อย่างที่เราได้เห็นข่าวบริษัทใหญ่ๆ เช่น Wayfair, Apple และ Walmart เพิ่งประกาศเลิกจ้างพนักงานใหม่
หากการเติบโตของการจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัวลงในสัปดาห์นี้ จะเป็นการยืนยันความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นขยับใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์และอาจปรับลดลงอีกครั้ง แนวต้านที่เกิดจากรูปแบบ double top ในกราฟรายวันเมื่อสัปดาห์นี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่แตะระดับ 107 จะปรับตัวขึ้นหรือลดลงไปหาแนวรับที่ 106.26
ในทางกลับกัน การจ้างงานที่ชะลอตัวอาจเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น เป็นผลให้เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราจึงเห็นดัชนีดาวโจนส์ลดลงจากจุดสูงสุดในเดือนเมษายน โดยมี 32,600 จุดทำหน้าที่เป็นแนวรับถัดไป
เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสองเดือนก่อนหน้ากับการปรับตัวขึ้น หุ้นและผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้ถูกเทขายลงมากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มต้นเดือนมิถุนายน ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังคงวิ่งอยู่สูงกว่า 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกเอาไว้ดังเดิม
ความเป็นไปได้ที่เฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีมากน้อยแค่ไหน?
ในสัปดาห์นี้ (1 กันยายน) เฟดกำลังจะดำเนินการตามแผนกระชับเชิงปริมาณ (QT) ซึ่งจะเพิ่มขนาดของการลดงบดุลรายเดือนเป็น 90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการกระชับนโยบายการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการหดตัวของงบดุล และหุ้นสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้ง
แนวโน้มขาขึ้นของหุ้นสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในปัจจุบัน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐยังคงดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ สถานะที่ปลอดภัยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสั่นคลอน ดังนั้น ปี 2022 จึงเป็นปีที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลผันผวนมากที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งส่งผลกระทบทางอ้อมต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับจตัวขึ้นและหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง