ในวันพฤหัสบดี ดัชนีตลาดหุ้นหลักของจีน 50 ตัวกำลังรอดูตัวเลขจากภาคการผลิต ณ บริเวณจุดต่ำสุดล่าสุด
กราฟ CHINA 50 รายวัน
ดัชนี CHINA 50 เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 11,690 ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในเดือนตุลาคม ซึ่งคาดว่าจะมีการสร้างรูปแบบ double-bottom ขึ้น
วันพฤหัสบดีจะมีการประกาศตัวเลขการผลิตของจีนในเวลา 9:30 น. HKT จากผลสำรวจของรอยเตอร์ คาดว่ากิจกรรมการผลิตของประเทศจีนจะหดตัว ถือเป็นสภาพการลงทุนที่ท้าทายสำหรับเจ้าของโรงงานที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้คำสั่งซื้อทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะดีขึ้นเป็น 49.7 จากที่ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนที่แล้วเป็น 49.5 การประมาณการจากผู้ทำแบบสำรวจส่วนใหญ่ของรอยเตอร์นั้นคาดว่าดัชนีดังกล่าวจะยังคงอยู่ต่ำกว่า 50
ระดับตัวเลข 50 มีความสำคัญเนื่องจากเป็นจุดวัดความแตกต่างระหว่างการขยายตัวและการหดตัว หากด้านการผลิตของจีนสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้เล็กน้อย ก็มีแนวโน้มว่าตัวเลขดังกล่าวจะพุ่งสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งจะทำให้นักวิเคราะห์รู้สึกตื่นเต้น
นักเศรษฐศาสตร์ยังคงมองว่าประเทศจีนกำลังดิ้นรนเพื่อให้ได้การเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีสัญญาณเชิงบวกในข้อมูลเดือนตุลาคมก็ตาม ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกผิดหวังกับความสามารถในการฟื้นตัวอย่างมั่นคงหลังยุคโควิด นั่นยังรวมถึงประเด็นภายนอกด้วย เศรษฐกิจโลกยังต้องดิ้นรน มาตรการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลบางมาตรการมีผลเพียงเล็กน้อย แต่บางภาคส่วนก็ฟื้นตัวได้ดีแม้จะมีปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์
การเติบโตของกำไรในบริษัทอุตสาหกรรมของจีนหดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่เคยเเพิ่มขึ้น 11.9% ในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้น 17.2% ในเดือนสิงหาคม นักวิเคราะห์กล่าวว่ามีสาเหตุของการหดตัวนั้นมาจากต้นทุนวัตถุดิบ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้นักวิเคราะห์กังวลว่าจีนอาจเริ่มเห็นภาวะซบเซาแบบญี่ปุ่นในปลายทศวรรษนี้ เว้นแต่ผู้กำหนดนโยบายจะดำเนินการเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไปสู่รูปแบบการบริโภคในภาคครัวเรือน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีนกล่าวว่าเขา “มั่นใจว่าจีนจะมีการเติบโตที่ดีและยั่งยืนในปี 2024 และต่อๆ ไป” แต่เสริมว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สิน ที่ปรึกษากล่าวว่ารัฐบาลจะต้องดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากต้องการรักษาเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจประจำปีไว้ที่ ‘ประมาณ 5%’ ในปีหน้า ซึ่งจะตรงกับเป้าหมายในปีนี้
นั่นคือแนวโน้มระยะยาว แต่ในระยะสั้นเป็น ตัวเลขการผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากระดับที่ถือได้ว่าอยู่ในโซนขยายตัว ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าคาดอาจกระตุ้นให้หุ้นจีนพุ่งขึ้น