การประกาศต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจีนอย่างไม่ลดละทำให้ขาขึ้นของดัชนีหุ้นจีนอย่าง China 50 ต้องสะดุดลงในตลาดซื้อขายวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งการหยุดพักของขาขึ้นระลอกนี้ยังดำเนินต่อมาถึงวันอังคารเพราะนักลงทุนในตลาดกำลังรอให้มีการประกาศข้อมูลตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศจีน
กราฟ CHI50 รายสัปดาห์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นจีนทำให้ดัชนี CHI50 ขึ้นไปอยู่ใกล้ระดับแนวต้าน 12,375 CHI50 จำเป็นจะต้องขึ้นยืนเหนือแนวต้านนี้ให้ได้ แต่เมื่อทางการจีนได้กลับปิดเมืองเพราะการระบาดโควิด-19 อีกครั้ง ความพยายามปรับตัวขึ้นครั้งนี้จึงเหมือนมีอุปสรรคมาขวางกั้นทันที
การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรปลดลงเนื่องจากปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจจีนได้รับความเดือดร้อนเมื่อความต้องการของผู้บริโภคลดลง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน เตือนว่าสถานการณ์โควิดอาจเลวร้ายลงเมื่อการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูหนาวใกล้เข้ามา
เศรษฐกิจจีนในวันอังคารนี้จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ เดือนที่แล้วพบว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 29 เดือน ปัจจัยเงินเฟ้อได้รับแรงหนุนจากราคาเนื้อหมูเป็นหลัก และแรงกดดันด้านราคายังคงมีอยู่เพราะนโยบายซีโร่โควิดที่เข้มงวดและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเปราะบาง
ธนาคารกลางของจีนพยายามกระตุ้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์ที่การผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบไม่มากเกินไป และลดความเสี่ยงต่อแรงกดดันด้านราคาและการลงทุนที่ไหลออก จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนที่แล้วอาจจะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ก่อนหน้านี้ เงินเฟ้อเคยเร่งตัวขึ้นจาก 2.5% ในเดือนสิงหาคม และไต่ระดับขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020
ข้อมูลตัวเลขในเดือนตุลาคมคาดว่าจะชะลอตัวอีกครั้งเป็น 2.5% และนักลงทุนควรให้ความสนใจกับข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs วิเคราะห์เอาไว้ในเดือนกันยายนว่า
“ในเดือนต่อจากนี้ อัตราเงินเฟ้อ CPI ทั่วไป (เมื่อเทียบปีต่อปี) มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับปานกลาง เพราะเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและความต้องการบริการที่ลดลง เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) แบบปีต่อปีจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงอันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง”
งานวิจัยของ Capital Economics ได้ข้อสรุปว่า “ข้อจำกัดหลักในขณะนี้คือค่าเงินหยวน ซึ่งอ่อนค่าลงเกือบต่ำที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ เราไม่หวังว่าจีนจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนกว่าแรงกดดันต่อค่าเงินจะผ่อนคลายลง”
“สถานการณ์เงินเฟ้อของจีนค่อนข้างต่างจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา และนโยบายการเงินควรจะเป็น ‘การให้ความสำคัญกับประเทศตนเอง’ มากกว่า จีนจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศก่อน” เวิน ปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Minsheng Bank กล่าว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนในปี 2022 และ 2023 เป็น 3.2% และ 4.4% ตามลำดับ โดยระบุว่าการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องยังคงเป็นภาระต่อเศรษฐกิจจีน
นักลงทุนควรจับตาดูระดับแนวรับที่สำคัญในหุ้นจีน การทำราคาปิดเหนือ 12,375 ในกราฟรายสัปดาห์สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนฝั่งขาขึ้นได้