หลังจากจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในช่วงนี้ นักลงทุนจะได้เห็นรายงานผลประกอบการจากธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังนามแบล็คร็อค (NYSE:BLK)
กราฟ BLK รายวัน
ราคาหุ้น BLK แตะระดับสูงสุดที่ 1,080 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม แต่ร่วงลงเหลือ 963 ดอลลาร์ต่อหุ้น แนวรับมีราคาอยู่ที่ $919 และ $886
โดยปกติ ราคาหุ้นที่สูงขึ้นจะส่งผลดีต่อ BlackRock ธนาคารซึ่งเป็นผู้จัดการการเงินรายใหญ่ที่สุดในโลก ไตรมาสที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นภาพเดียวกัน พวกเขาน่าจะมีหุ้นที่จุดสูงสุดตลอดกาลและสภาพแวดล้อมที่มีแต่นักลงทุนมากมาย
เมื่อรายงานผลประกอบการไตรมาสสี่ในวันพุธ นักวิเคราะห์ที่ FactSet คาดว่าบริษัทของ Larry Fink จะรายงานสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่มีมูลค่า 11.65 ล้านล้านดอลลาร์
สินทรัพย์ของ BlackRock เติบโตขึ้นอย่างมากจากวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งล่าสุด และไม่แน่ใจว่าบริษัทจะเป็นอย่างไรท่ามกลางความตื่นตระหนกของตลาด เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้วางฉากทัศน์ไว้ 3 ภาพที่อาจลดความเสี่ยงได้
“เราคิดว่าการเพิ่มทุนของสหรัฐฯ อาจดำเนินต่อไปได้ แต่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับโลกสามารถผลักดันตลาดและเศรษฐกิจให้เข้าสู่สถานการณ์ใหม่ได้” นักยุทธศาสตร์ให้ความเห็น “เรามองผ่านสัญญาณรบกวนในระยะสั้น แต่สรุปสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการปรับมุมมองของเรา โดยการลดความเสี่ยงหรือเปลี่ยนการดำเนินงานของเรา” ผู้บริหารกล่าว
นักลงทุนตระหนักถึงความเสี่ยงในตลาดมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นยังคงเริ่มต้นปีได้อย่างแข็งแกร่ง ดัชนี S&P 500 ลดลง 1% จากต้นเดือนมกราคม นักพยากรณ์ในตลาดวอลล์สตรีทบางรายคาดว่าราคาหุ้นสหรัฐฯ จะขึ้นไปอย่างน้อย 16% หรือมากกว่านั้น
บริษัทรู้ว่ามีความเสี่ยงจากนโยบายใหม่ของทรัมป์ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความเปราะบางของตลาด
“แม้ข้อมูลรายได้อาจสร้างเซอร์ไพรส์ขาขึ้น แต่หากรายงานผลประกอบการออกมาผิดคาดนั่นอาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลอีกครั้งว่าการใช้จ่ายด้าน AI จำนวนมากจะได้ผลหรือไม่ และการประเมินมูลค่าที่สูงนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น การประเมินมูลค่าไม่สามารถมองไปที่ข้อมูลในอดีตได้เพียงอย่างเดียวได้ ” นักยุทธศาสตร์กล่าว
มีสัญญาณ “ความเปราะบางเพิ่มขึ้น” ในตลาดการเงินอย่างต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถผลักดันแบล็กร็อคออกจากการลงทุนที่มีความเสี่ยง นักยุทธศาสตร์กล่าวเสริม