เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มแสดงจุดเปราะบางออกมาให้เห็น ด้วยหลักฐานจากผลกระทบของเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จำนวนยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคมลดลงมาอยู่ที่ 511,000 หลังเทียบตัวเลขคาดการณ์ 574,000 หลัง คิดเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่า 12.6% จากตัวเลข 585,000 หลังในเดือนมิถุนายน
ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลดลง 29.6% YoY หลังจากเคยขึ้นสูงสุดที่ 993,000 หลังในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งเป็นระดับตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 มีรายงานเพิ่มเติมว่าดัชนีความเชื่อมั่นของสมาคมผู้สร้างบ้าน/ตลาดที่อยู่อาศัยจากธนาคารเวลล์ ฟาร์โก (Wells Fargo) แห่งชาติปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่ามัธยฐาน 50 จุดในเดือนสิงหาคมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พฤษภาคม 2020
นอกจากนี้ ราคาบ้านเฉลี่ยได้เพิ่มขึ้น 8.2% เป็น 439,400 ดอลลาร์เทียบกับตัวเลขเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ที่ลดลงดูเหมือนจะขัดแย้งกับข้อสรุปที่ว่าเงินเฟ้อของอเมริกาได้ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อนที่เงินเฟ้อจะลดลงมาเหลือ 8.5% ในเดือนกรกฎาคม
เฟดยังคงมีความตั้งใจที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ จนกว่าจะพบหลักฐานที่ชัดเจนจากตัวเลขเศรษฐกิจว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงจริง คำพูดนี้ได้ทำให้นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ว่าเฟดอาจลดความรุนแรงในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง ในการประชุมดอกเบี้ยเดือนกันยายน ข้อมูลตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคล่าสุด ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อได้ลดลงเหลือ 8.5% ในเดือนกรกฎาคม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 0.6% จากตัวเลขสูงสุดในรอบ 40 ปีที่ 9.1% ในเดือนมิถุนายน 2022
อย่างไรก็ตาม หลายคนเชื่อว่าตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในปัจจุบันที่ลดลงสมควรได้รับความสนใจ เนื่องจากข้อมูลนี้สวนทางกับความเชื่อที่ว่าเงินเฟ้อได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วอย่างชัดเจน และอาจทำให้เฟดคงจุดยืนวางนโยบายการเงินเชิงรุกต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนต่อไป
ยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ VS อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ
รายงานยอดขายบ้านที่อยู่อาศัยใหม่เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญที่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจ ที่มีความเกี่ยวข้องกับอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ได้ การซื้อบ้านถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การซื้อใหม่แต่ละครั้งจะสร้างงานมากขึ้น เช่น การปรับปรุงใหม่การตกแต่ง สินเชื่อจำนอง ฯลฯ
รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่จะวัดจำนวนบ้านใหม่ที่ขายได้ในแต่ละปีในเดือนก่อนหน้า ผู้คนมักจะซื้อบ้านใหม่มากขึ้นหากบ้านมีราคาเอื้อมถึง และจะไม่ซื้อบ้านใหม่เมื่อราคาสูงเกินไป ดังนั้น การที่ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ลดลงจะเป็นการส่งสัญญาณว่าไม่มีใครซื้อบ้านที่มีราคาแพงเกินไป นักสังคมวิทยาได้จัดประเภทที่อยู่อาศัย (บ้านใหม่) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์เสมอ และมีเพียงราคาที่สูงเกินไปเท่านั้นที่อาจทำให้การตัดสินใจลงทุนซื้อความต้องการขั้นพื้นฐานของคนช้าลง
ด้วยเหตุนี้ หากตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ลดลง จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศกำลังกัดกินการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งขัดแย้งกับสมมติฐานที่ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว เท่ากับว่าเฟดยังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ได้
ผลกระทบของตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ที่ลดลงจะส่งผลกระทบกับการประชุมอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างไร
อัตราเงินเฟ้อที่สูงจนได้ชื่อว่าสร้างจุดสูงสุดในรอบ 40 ปีในปี 2022 ได้บังคับให้เฟดต้องใช้นโยบายการเงินที่รุนแรงมากขึ้น มากกว่าที่เคยทำมาตั้งแต่ปี 1980 ที่เห็นว่าจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จนถึงตอนนี้ เฟดได้เริ่มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันสี่ครั้งในปี 2022 โดยได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 2.25% จากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุด คณะกรรมการฯ เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และหวังว่าจะทำเช่นนั้นต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลงมาอยู่ในกรอบราคาเป้าหมายที่ 2% ภายในสิ้นปี 2024
รายงานการประชุมในเดือนกรกฎาคมของเฟดแสดงให้เห็นว่าเฟดยังลดดอกเบี้ยลงมาได้ไม่ถึงครึ่งของเป้าหมาย เงินเฟ้อในปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 8.5% เทียบกับเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% เงื่อนไขเดียวของเฟดในการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือต้องได้เห็นข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างเป็นธรรมชาติและมีการชะลอตัวในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ
ชัยชนะเพียงอย่างเดียวที่บันทึกไว้จนถึงขณะนี้คือการชะลอตัวครั้งแรกของอัตราเงินเฟ้อมากกว่า 0.6% YoY ในการรายงานตัวเลข CPI เดือนกรกฎาคม ตัวเลข CPI ของเดือนสิงหาคมจะมีความสำคัญในช่วงเวลานี้ก่อนการประชุมเฟดในเดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม จำนวนยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงสูงในปัจจุบันเป็นสัญญาณว่าความดีใจของตลาดก่อนหน้านี้เป็นเรื่องหลอกลวง เนื่องจากเงินเฟ้ออาจยังไม่ถึงจุดสูงสุด
ด้วยยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง 12.6% เนื่องจากต้นทุนในตลาดที่สูงเกินไป หลายคนเกรงว่าเฟดอาจยังคงต้องขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดลงทุนถึงเป้ารอการประชุมของเฟด ที่แจ็คสันโฮลในวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ ถ้อยแถลงของประธานเฟดจะเป็นโอกาสให้นักลงทุนที่จะได้รู้ว่าผู้วางนโยบายฯ คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่จะกระทบทิศทางการวิ่งของดัชนีดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้หรือไม่?
รายงานตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์สหรัฐ ผลกระทบของเงินเฟ้อเห็นเป็นรูปธรรมยังคงที่ดึงดูดนักลงทุนให้ถือดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะพวกเขาหวังว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อกดเงินเฟ้อลงมาให้ได้ จนถึงตอนนี้ รายงานยอดขายบ้านใหม่ได้ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น DXY สามารถพุ่งแตะระดับ 109.24 เมื่อวานนี้ กดดันสกุลเงินอื่นๆ ที่จับคู่ตรงข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ นี่คือสาเหตุว่าทำไม EURUSD จึงปรับตัวลดลงเหลือ $0.9906
คาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีกในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักลงทุนเชื่อว่ายังไงเฟดก็ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง เพราะยังมีหลักฐานการเติบโตของอัตราเงินเฟ้ออย่างเช่นรายงานยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลง หากผลการประชุมของเฟดที่แจ็คสันโฮลออกมาในทิศทางที่จะคลายการขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก ข่าวนี้คงสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดอยู่ไม่น้อย