การที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงนี้นั้นเป็นเพราะนักลงทุนเริ่มเห็นว่าความร้อนแรงของเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงแล้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางนั้นอาจช่วยหนุนราคาทองคำให้ฟื้นตัวกลับขึ้นไปได้
กราฟราคาทองคำรายวัน
ราคาทองคำเคยวิ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ 1,960 ดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นราคาก็ร่วงกลับมาวิ่งอยู่ที่ 1,853 ดอลลาร์ โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หนุนราคาอยู่ที่บริเวณนั่น แต่หากไม่แรงสนับสนุนเข้ามาช่วยที่ราคาบริเวณนี้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงต่อไปได้
ทองคำสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา สาเหตุนั้นเป็นเพราะผู้กำหนดนโยบายพยายามปกป้องสกุลเงินของตนจากภาวะเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียยูเครน จากข้อมูลของสภาทองคำโลก (World Gold Council (WGC)) การซื้อทองคำสุทธิของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มขึ้น 47% YoY สู่ระดับ 50 ตันในเดือนพฤศจิกายน
ธนาคารประชาชนจีนเป็นหนึ่งในผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด PBOC ซื้อทองคำเพิ่มอีก 970,000 ออนซ์ในเดือนธันวาคม ปริมาณทองคำสำรองทั้งหมดของจีนนั้นอยู่ที่ 64 ล้านออนซ์ ตัวเลขดังกล่าวจะเด่นชัดมากขึ้นเมื่อตระหนักว่าทองคำสำรองของประเทศจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงลงเลยมาเป็นเวลาสามปี จีนเป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่ในอดีต ทองคำเป็นอีกวิธีหนึ่งในการกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศ
จีนไม่ได้เป็นผู้ซื้อเพียงรายเดียว เพราะรายงานนั้นระบุว่ามีบรรดาธนาคารกลางเข้ามาซื้อทองคำถึง 417 ตันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 12 เท่า ยอดรวมการซื้อทองคำประจำปีเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับของปีที่แล้ว Krishan Gopaul นักวิเคราะห์อาวุโสของ WGC กล่าวว่าการซื้อของธนาคารกลาง “จำนวนมหาศาล” เป็น “ผลดีอย่างมากต่อตลาดทองคำ”
ทองคำอาจปรับตัวขึ้นหากความขัดแย้งในยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุดมีข่าวว่าสหราชอาณาจักรเตรียมส่งเครื่องบินไอพ่นไปช่วยเหลือยูเครน