หลังจากที่ตลาดลงทุนสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีได้ปิดทำการ นักลงทุนในตลาดก็ได้ทราบข้อมูลรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทผู้ผลิตไอโฟนอย่างแอปเปิล (Apple) ก่อนหน้านี้ นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างก็ได้ยินดีกับผลงานของหุ้นเมตาแพลตฟอร์มไปแล้ว และพวกเขาก็หวังว่าหุ้นแอปเปิลจะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกัน
กราฟ AAPL รายวัน
หุ้น AAPL มีแนวต้านอยู่ที่ระดับ $157.50 และ $164.25 นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับระดับราคาเหล่านี้เป็นเป้าหมายการลงทุนในวันศุกร์ ระดับราคาเหล่านี้สามารถใช้เป็นแนวรับรอย่อเพื่อให้ราคาปรับขึ้นต่อไปได้
การประกาศผลกำไรของ Apple จะเป็นไปตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีกลุ่มหนึ่งอย่างเช่น Snap และ Microsoft ซึ่งได้เห็นแล้วว่ามียอดขายที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดลงทุนที่ดีเกินคาดกำลังหนุนราคาหุ้น จนสามารถทำให้หุ้น Meta ปรับตัวพุ่งขึ้น 20% แม้ตัวเลขรายได้จะไม่ดีก็ตาม
นักวิเคราะห์สำนักข่าวบลูมเบิร์กไปทำผลสำรวจมามีคาดหวังความแตกต่างกันเล็กน้อยพวกเขาคาดว่ารายได้ปีต่อปีของบริษัทแอปเปิลจะลดลงตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นรายได้ของ Apple ลดลง นักวิเคราะห์มองว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะยอดขายสมาร์ทโฟนซบเซา สำหรับการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ นักวิเคราะห์สงสัยว่าการลดลงของกำไรจะเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ในจีนและความต้องการสมาร์ทโฟนที่ลดลงท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูง
จากข้อมูลของ IDC ระบุว่ายอดจัดส่ง iPhone ลดลง 14.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 85 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 เป็น 72.3 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 4 ปี 2022 Apple ประสบปัญหาในการจัดหาเนื่องจากการปิดโรงงานของ Foxconn ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน
นักวิเคราะห์ไม่เพียงมองเห็นแรงกดดันด้านอุปทานเท่านั้น ดังที่ Wamsi Mohan จาก Bank of America เขียนวิเคราะห์ไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า
“เรามองว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เป็นความท้าทายของบริษัทแอปเปิล เนื่องจากวัฏจักรการเติบโตของ iPhone ค่อนข้างอ่อนแอ (ทั้งปัญหาอุปสงค์และอุปทาน) การเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 จะขึ้นอยู่กับวัฏจักรการเติบโตของ iPhone และการสนับสนุนจากเทคโนโลยี AR/VR”
หากยอดขาย iPhone ของ Apple แสดงให้เห็นความอ่อนแอออกมา นั่นอาจทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดนแรงกดดันแม้ว่าก่อนหน้านี้หุ้นเมตาแพลตฟอร์มและเทสลา Tesla จะปรับตัวขึ้นก็ตาม รายงานที่แข็งแกร่งจาก Apple อาจทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวขึ้นต่อไป