ขั้นแรกสุดในการเรียนรู้วิธีการเทรดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (ฟอเร็กซ์) คือการทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม MT4 เช่นเดียวกับที่นักรบที่ต้องคุ้นเคยกับอาวุธของเขาก่อนจะเข้าสู่สนามรบ บริษัท MetaQuotes ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 หรือที่เรารู้จักกันในนาม “MT4” และเปิดตัวในปี พ.ศ. 2548 แพลตฟอร์มดังกล่าวครองใจนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ได้ไม่ยาก เนื่องจากในยุคนั้น MT4 มีคุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และสามารถครองวงการนี้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ในตอนนี้มีโบรกเกอร์มากกว่า 95% เลือกที่จะใช้ MT4 เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างโบรกเกอร์กับนักลงทุน
1. ผู้ใช้งานสามารถสร้าง EA หรืออินดิเคเตอร์ขึ้นมาเองได้อย่างอิสระ
ข้อดีประการแรกที่ทำให้แพลตฟอร์ม MT4 กลายเป็นที่นิยมคือความสามารถในการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามใจชอบ ผู้ใช้งานหรือนักลงทุนสามารถเขียนโปรแกรมช่วยเทรดอัตโนมัติ (EA) ขึ้นมาได้ และปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การเทรดของแต่ละคน และใช้อินดิเคเตอร์ที่มีอยู่ในโปรแกรมเข้ามาประยุกต์ร่วม
ก่อนที่ MT4 จะมา เทรดเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์สามารถใช้แอนดิเคเตอร์ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ของโบรกเกอร์เท่านั้น เทรดเดอร์จะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลของอินดิเคเตอร์ได้ตามใจชอบ สามารถทำได้เพียงตั้งค่าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบอินดิเคเตอร์หรือกลยุทธ์ EA ตามแนวคิดเฉพาะบุคคล และ MT4 ก็มาอุดช่องว่างตรงนี้
แม้ว่าคุณจะไม่เคยเรียนการเขียนโปรแกรมมาก่อน คุณก็สามารถหาบุคคลที่สามที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเขียนโปรแกรมอัตโนมัติให้คุณได้ ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ตลาดลงทุนในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามความยืดหยุ่นของ และ MT4 ก็เริ่มเพิ่มฟังก์ชันการเขียนโปรแกรมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
2. หน้าต่างการใช้งานที่เป็นระเบียบและเข้าใจได้ง่าย
เทคโนโลยีในยุคปัจจุบันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายิ่งซอฟต์แวร์ใช้งานง่ายเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้กระแสตอบรับและการใช้งานที่มีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามนักพัฒนาหรือผู้สร้างโปรแกรมส่วนใหญ่ตกกับดักทางความคิดในส่วนนี้ว่า การใช้งานง่ายหมายถึงความจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลมีฟังก์ชันการใข้งานเยอะๆ
MT4 ที่มีให้ทั้ง Mac PC iOS และ Android เข้าใจจุดนี้ดีและพวกเขาได้พัฒนาโปรแกรมบนเส้นทางที่ต่างออกไป MT4 ซ่อนฟังก์ชันหรืออินดิเคเตอร์ที่คนไม่นิยมเอาไว้ด้านหลัง แล้วนำเสนอแตต่ฟังก์ชันที่นักลงทุนใช้งานอยู่เป็นประจำ และสามารถใช้งานได้จริง ผู้ใช้งานไม่ต้องจัดการกับปุ่มที่ยุ่งเหยิงมากมายสำหรับฟังก์ชันต่างๆ ทั้งหมดอีกต่อไป เมื่อผู้ใช้งานสามารถเข้าออกโปรแกรม MT4 ได้ราวกับเป็นบ้านตัวเองแล้ว การเรียกฟังก์ชันหรืออินดิเคเตอร์ที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการทำความเข้าใจก็จะหลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้งาน
3. อิสระการใช้งานที่ไม่จำกัดอยู่เพียงในกรอบ
หากคุณไม่ชอบสีธีมพื้นฐานที่ MT4 เลือกมาให้ในตอนแรก คุณสามารถเปลี่ยนสีให้เข้ากับสไตล์การเทรดของตัวเองได้ เพียงคลิกขวา แล้วไปที่แท็บพาแนลสี คุณก็จะเจอกับตัวเลือกของสีมากมาย รู้หรือไม่ว่านักลงทุนในตะวันตกจะนิยมใช้แท่งเทียนสีแดงแทนการปรับตัวลงของราคาและสีเขียวแทนการปรับตัวขึ้น ในขณะที่ฝั่งเอเชียจะทำตรงกันข้ามกัน แต่ไม่ว่าคุณจะถนัดแบบไหน ก็สามารถเลือกได้หมดทุกสี และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับสีเขียวหรือสีแดง นี่คือความอิสระที่โปรแกรม MT4 มอบให้คุณ
นอกจากนี้ MT4 ยังมีอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ทางเทคนิคที่ถูกปรับแต่งค่ามาแล้วโดยเฉพาะ และหากคุณชอบก็สามารถนำไปใช้หรือเปลี่ยนสีตามต้องการได้เลย นักลงทุนรุ่นใหม่มักจะไม่ชอบอินดิเคเตอร์แบบคลาสสิค พวกเขาจะชอบปรับแต่งเป็นในแบบสไตล์ของตัวเอง ในขณะที่โปรแกรมการเทรดก่อนที่จะมี MT4 จะไม่สามารถทำแบบที่กล่าวมาได้ แต่ MT4 เปิดอิสระให้คุณได้เลือกตามความถนัดของคุณ
4. การทดสอบระบบย้อนหลัง (Backtesting)
นอกจากการตั้งค่าต่างๆ ได้เอง หรือการสร้างระบบช่วยเทรดขึ้นมาเองแล้ว MT4 ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถทดสอบกลยุทธ์การเทรดหรือระบบเทรดย้อนหลังได้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่อาจจะยังไม่ทราบ หนึ่งในขั้นตอนการทดสอบว่าระบบที่เราคิดขึ้นมามีความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรมากน้อยแค่ไหน หนึ่งในวิธีตรวจสอบคือการวางเงื่อนไขของเราเข้าไปในการทดสอบกับกราฟย้อนหลัง เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจึงลองนำไปปรับใช้จริงต่อไป
ทุกวันนี้ ซอฟต์แวร์ข้อมูลการตลาดส่วนใหญ่เลียนแบบฟังก์ชันการทดสอบย้อนหลังของ MT4 แต่ในหลายๆ โปรแกรมกลับไม่ลื่นไหลเท่ากับของ MT4 มีเพียงไม่กี่โปรแกรมเท่านั้นที่นักลงทุนสามารถเจาะเข้าไปดูรายละเอียดถึงขนาดดูความเคลื่อนไหวของแท่งเทียนหนึ่งแท่งในระดับวินาที ซึ่งก็ถือเป็นกลยุทธ์การเทรดรูปแบบหนึ่ง แต่ MT4 สามารถรองรับกลยุทธ์การเทรดแบบนี้ได้
5. การดึงข้อมูลการเทรดของแต่ละบัญชีออกมาได้อย่างละเอียด
คุณลักษณะข้างต้นไม่ได้มีลักษณะเฉพาะสำหรับ MT4 แต่ MT4 มีความสามารถที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างความสามารถในการดึงบันทึกการเทรดในอดีตออกมา และสามารถสร้างข้อมูลทางสถิติอย่างละเอียดโดยอัตโนมัติ เช่น อัตราการชนะ อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน เปอร์เซ็นต์การฝากถอนสูงสุด ฯลฯ ซึ่งมีความสำคัญในการตัดสินความสามารถของกลยุทธ์การเทรดของนักลงทุนเป็นอย่างมาก
โดยสรุปแล้ว
บริษัท MetaQuotes ได้ออกมาประกาศแล้วว่าพวกเขาจะไม่หยุดที่จะอัปเดตซอร์ฟแวร์ MT4 ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต และตอนนี้พวกเขาก็ได้สร้าง MT5 ขึ้นมาแล้ว และเดินหน้าโปรโมตการใช้งาน MT5 อยู่เรื่อยๆ ความแตกต่างระหว่าง MT4 และ MT5 นั้นไม่มีอะไรมาก หน้าตาการใช้งานยังคล้ายเดิม สิ่งที่ต่างออกไปคือมีการเก็บรายละเอียดการใช้งานบางอย่างให้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าฟังก์ชันของ MT5 นั้นดีกว่ามาก MT5 มีตัวเลือกสำหรับเทรดเดอร์มากขึ้น เช่นการให้อิสระมากกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการตั้งค่าการเทรดแบบเป็นกิจวัตร ซึ่ง MT4 ไม่สามารถตอบโจทย์ในส่วนนั้นได้ดีเท่า อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกใช้ MT4 และจำนวนเทรดเดอร์ที่ใช้ MT5 ยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย
เหตุผลคนยังเลือกใช้แพลตฟอร์ม MT4 อยู่เป็นเพราะความคุ้นเคยที่มีอยู่กับแพลตฟอร์มนี้มาอย่างยาวนาน แม้ว่าจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่การอัปเกรดขึ้นไปเป็น MT5 นั้นไม่ได้มีความจำเป็นหรือยกระดับวงการเมื่อเทียบกับตอนที่ MT4 มาใหม่ๆ ที่สำคัญ ผู้ที่เขียน EA ขึ้นมาก็ไม่ต้องการที่จะไปเขียนโค้ดใหม่กับ MT5 หากต้นทุนการย้ายไปยังไม่สมเหตุสมผล น่าเสียดายที่ภาษาโปรแกรมใน MT5 และ MT4 ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น หากคุณใช้ซอฟต์แวร์ MT5 คุณต้องเขียน MT4 EA ที่มีอยู่ใหม่ ซึ่งเป็นงานใหญ่ และการได้กำไรอาจไม่คุ้มกับต้นทุน
ดูวิดีโอแนะนำการใช้งาน MT4 เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
เรียนรู้การลงทุนด้วยการเปิดบัญชี MT4 หรือทดลองเทรดในบัญชีเงินสมมุติเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการลงทุนได้เลย!