ในช่วงไม่กี่สัปดาห์และเดือนที่ผ่านมา การแข็งค่าของดัชนีดอลลารืสหรัฐถือเป็นปัจจัยกดดันหลักของตลาดลงทุน ซึ่งการแข็งค่านั้นเกิดขึ้นมาจากการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐฯ กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกให้ปรับตัวลดลง ไม่เว้นแม้แต่ราคาทองคำ
กราฟ EURUSD รายสัปดาห์
จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่หยุดการแข็งค่า ทำให้คู่กราฟ EURUSD พยายามปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ติดต่อกัน ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐอเมริกาในวันศุกร์
รายงานการจ้างงานจากภาคเอกชนโโย ADP ที่มีรายงานเมื่อคืนวันพุธก่อนการรายงาน NFP นั้นยังถือว่าเป็นผลบวกต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีความกังวลว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัว
อุตสาหกรรมบริการของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเล็กน้อยในเดือนกันยายน ในขณะที่การจ้างงานเพิ่มขึ้น และราคาที่ธุรกิจลงทุนไปสำหรับการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1-1/2 ปี ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งบางอย่างในระบบเศรษฐกิจ
รายงานตัวเลขการจ้างงานจาก ADP ในเดือนนี้เพิ่มขึ้น 208,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้การขาดดุลการค้าก็หดตัวลดลงดีเกินคาด ข้อมูลทางเศรษฐกิจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลดลง 1% ทำให้กราฟ EURUSD สามารถปรับตัวขึ้นได้
ขณะนี้ตลาดกำลังให้ความสนใจกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเปลี่ยนแนวทางการวางนโยบายทางการเงิน ตลาดลงทุนเชื่อว่าหากรายงานตัวเลขการจ้างงานในวันศุกรืลดลงผิดคาด เฟดจะ “เปลี่ยน” นโยบายการเงินและชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทฤษฎีดังกล่าวได้รับการสนับสนุนมาจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลียขึ้นประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 25bps เแทนที่จะปรับขึ้น 50bps
ทิศทางของ EURUSD จะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์นี้ หาก NFP ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ เงินยูโรก็จะแข็งค่า ตัวเลขการจ้างงานของ ADP แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้น
สำหรับการประชุมดอกเบี้ยนโยบายของเฟดครั้งถัดไป ตลาดกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการปรับดอกเบี้ยขึ้น 75bps อีกในการประชุมเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นก็ลดลงจาก 70% ลงมาเหลือเพียง 50% เท่านั้น
แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง แต่เราก็น่าจะเข้าใกล้การชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงภายภายในสิ้นปีนี้