ในวันพุธที่ 1 มีนาคมที่พึ่งจะมาถึงนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังเทสลา (Tesla) ได้ประกาศเรียกความสนใจจากนักลงทุนด้วยการไลฟ์สดจากโรงงานผลิตรถยนต์ Gigafactory ในรัฐเท็กซัส
กราฟหุ้น TSLA รายวัน
หลังจากที่หุ้นเทสลาได้ปรับตัวขึ้นมาตลอด ล่าสุดราคาหุ้นก็ได้พบแนวต้านบ้างแล้วที่ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ และมีกรอบไซด์เวย์แคบๆ อยู่ที่ราคา 190 ดอลลาร์ หุ้นเทสลาต้องสามารถผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปให้ได้เพื่อปรับตัวขึ้นต่อไป
อีลอน มัสก์ กล่าวถึง “แผนแม่บท 3 (Master Plan 3) ” ของบริษัท ซึ่งเขาทวีตว่าจะเป็น “เส้นทางสู่อนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืนอย่างสมบูรณ์สำหรับโลก” มัสก์กล่าวว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อ “ผู้คนและชีวิตบนโลก” และเสริมว่า “มันจะเป็นข้อความแห่งความหวังดีและการพัฒนาเชิงบวกสำหรับอนาคต”
แผนแม่บทฉบับแรกเกี่ยวข้องกับเส้นทางสู่การทำกำไรของบริษัทตั้งแต่ปี 2006 ขั้นตอนที่สองคือการพัฒนารถกระบะ ดังนั้นนักลงทุนจึงหวังว่าจะมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น อาจมีการอัปเดตบางอย่างเกี่ยวกับรถบรรทุกไซเบอร์ที่ล่าช้ามาโดยตลอด แต่ Tesla อาจอัปเดตแผนเกี่ยวกับโรโบแท็กซี่ด้วย อีลอน มักส์กล่าวว่ารถยนต์ไร้คนขับจะมีราคาถูกกว่าการขนส่งสาธารณะ
ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์เคยได้ประกาศเป้าหมายอันทะเยอทะยานในการผลิตรถยนต์ 20 ล้านคันต่อปี เขาเสริมว่าจะต้องมีโรงงาน Gigafactory ใหม่หลายสิบแห่ง
ในสัปดาห์นี้ อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิกันได้กล่าวว่า บริษัทเทสลาจะสร้างโรงงานในเมือง Monterrey ประเทศเม็กซิโก แคนาดา อินโดนีเซีย และอินเดีย สำหรับอินเดียนั้น พวกเขาถึงกับให้อภิสิทธ์กับเทสลาในการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศของตน
อนาคตเทสลาดูแล้วเป็นเช่นไร?
อย่างไรก็ตาม เทสลาไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 หากไม่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อรายใหม่ที่มีกำลังซื้อต่ำกว่า เทสลาสามารถนำเสนอนักลงทุนด้วยการออกแบบรถยนต์เจนเนอเรชั่นที่ 3
Colin Langan นักวิเคราะห์ของ Wells Fargo เขียนในบันทึกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “การลดราคารถยนต์ของตัวเองลงทั่วโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค แต่ TSLA น่าจะต้องการ Gen 3 เพื่อรักษาอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ของการส่งมอบเอาไว้ที่ 50%”
“รถ Gen 3 คาดว่าจะอยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์ ดังนั้น TSLA จะครอบครองประมาณ 95% ของคะแนนราคารถ EV ในสหรัฐฯ มูลค่า 30,000 ดอลลาร์นี้ให้ผลกำไรพอๆ กับรุ่น ICE ที่พอจะเทียบเคียงได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนโมเมนตัมในระยะสั้นมากขึ้น ดังนั้นเป้าหมายกำไร/ต้นทุนที่มีความน่าเชื่อถือ และเวลาเปิดตัวจึงเป็นกุญแจสำคัญ”
จุดที่น่าสังเกตก็คือเทสลามีกำลังการผลิตเพียง 1.9 ล้านคันต่อปีเท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนอยากรู้ว่าเทสลาจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่นี้อย่างไร ในขณะที่อาจมีค่าใช้จ่ายหลายแสนล้านดอลลาร์สำหรับการผลิตและแบตเตอรี่