ในขณะที่สหรัฐฯ เสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ความตึงเครียดด้านการค้าโลกจะปรับเปลี่ยนตลาดการเงินในปี 2025 ภาษีศุลกากรล่าสุดกำหนด 25% สำหรับการนำเข้าสินค้าบางรายการของเม็กซิโกและแคนาดา 10% สำหรับผลิตภัณฑ์พลังงานของแคนาดา และเพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจีนจาก 10% เป็น 20% มาตรการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลัก เช่น การผลิต พลังงาน และเกษตรกรรม ก่อให้เกิดความเสี่ยงในตลาดและโอกาสในการลงทุน
การตอบสนองจากคู่ค้าจะกำหนดว่าการเจรจาจะช่วยคลายความตึงเครียดหรือทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อดัชนีสำคัญ สินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดฟอเร็กซ์หรือไม่ สำหรับเทรดเดอร์ ความไม่แน่นอนนี้เป็นโอกาสในการลงทุนเพื่อใช้ประโยชน์จากความเคลื่อนไหวของตลาด
การตอบสนองทางเศรษฐกิจของจีนต่อภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
จีนกำลังให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริโภคภายในประเทศ และการผ่อนปรนทางการเงินเพื่อตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อกับสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและรบกวนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์และการผลิต
เพื่อเป็นการตอบโต้ จีนได้กำหนดภาษีถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมัน และเครื่องจักรทางการเกษตรของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็เข้มงวดกฎระเบียบต่อบริษัทของสหรัฐฯ เช่น PVH Corp (เสื้อผ้า) และ Illumina (เทคโนโลยีชีวภาพ) นอกจากนี้ ทางการจีนยังเพิ่มการตรวจสอบกฎระเบียบต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและความรู้สึกของนักลงทุน
โอกาสในการลงทุน:
- ดัชนีหุ้น: ความไม่แน่นอนอาจเป็นจุดเริ่มต้นโอกาสในการขายชอร์ตในดัชนี FTSE China A50 (CHI50) และดัชนี Hong Kong HSI (HK50) เนื่องจาก HK50 มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจีน
- สินค้าโภคภัณฑ์: การเปลี่ยนแปลงการค้าอาจส่งผลให้ราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติเหลว และถ่านหินผันผวน ขณะที่จีนมองหาซัพพลายเออร์ทางเลือกอื่นนอกสหรัฐอเมริกา
- ฟอเร็กซ์: ข้อพิพาททางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของ USD/CNH เนื่องจากจีนจัดการกับความผันผวนของสกุลเงินเพื่อตอบสนองต่อภาษีศุลกากร
บทบาทของเม็กซิโกและแคนาดาในพลวัตทางการค้า
เม็กซิโกและแคนาดาเผชิญกับแรงกดดันด้านภาษีศุลกากรใหม่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ เกษตรกรรม และพลังงาน แม้ว่าสหรัฐฯ จะเลื่อนการเรียกเก็บภาษีบางส่วนออกไป แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่การบังคับใช้เต็มรูปแบบจะยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ทั้งสองประเทศต้องหาพันธมิตรทางการค้าทางเลือกอื่น
เม็กซิโกกำลังขยายการค้ากับจีน สหภาพยุโรป และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะด้านพลังงานและการผลิต ในขณะเดียวกัน ภาคพลังงานของแคนาดา โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ก็เผชิญกับความเสี่ยงจากการหยุดชะงักทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อตอบโต้ แคนาดาจึงได้กำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มความท้าทายให้กับห่วงโซ่อุปทาน
โอกาสในการลงทุน:
- ดัชนีหุ้น: ตลาดหุ้นของเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งแสดงโดยดัชนี IPC และดัชนี S&P/TSX Composite อาจประสบแรงกดดันเนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้า โดยเฉพาะในภาคพลังงานและการผลิต
- สินค้าโภคภัณฑ์: ผู้ค้าที่เน้นด้านพลังงานควรจับตาดูน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ West Texas Intermediate เนื่องจากการหยุดชะงักทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาอาจส่งผลกระทบต่อราคา
- ฟอเร็กซ์: การประกาศอัตราภาษีศุลกากรอาจส่งผลต่อความผันผวนของ USD/CAD และ USD/MXN นำมาซึ่งโอกาสให้กับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์
สถานการณ์การค้าที่เป็นไปได้และโอกาสในการลงทุน
สถานการณ์ที่ 1: การเจรจานำไปสู่เสถียรภาพของตลาด
หากความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง จีน เม็กซิโก และแคนาดาอาจเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดสำคัญได้
โอกาสในการลงทุน:
- ความตึงเครียดด้านการค้าที่ผ่อนคลายลงอาจช่วยกระตุ้นการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และข้าวสาลีของสหรัฐฯ ไปยังจีน เม็กซิโก และแคนาดา ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรฟื้นตัว
- ดัชนีหุ้น เช่น S&P 500 และ Dow Jones อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคเกษตรกรรม การผลิต และเทคโนโลยี เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากดัชนีและ CFDs ของหุ้นได้
สถานการณ์ที่ 2: การตอบโต้ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาด
หากความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น ภาษีตอบโต้และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานอาจนำไปสู่การขายหุ้นในตลาดหุ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน
โอกาสในการลงทุน:
- สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ อาจมีความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต้องการเสถียรภาพ
- หุ้นเทคโนโลยีและยานยนต์อาจร่วงลง ทำให้เกิดโอกาสในการขายชอร์ตเนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและภาษีศุลกากร
- ราคาน้ำมันและทองแดงอาจมีการแกว่งตัวอย่างรุนแรง ทำให้เกิดโอกาสในการซื้อขายท่ามกลางพลวัตของอุปทานและอุปสงค์ที่เปลี่ยนแปลงไป
โอกาสการลงทุนในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ในปี 2025 ภายใต้นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์กำลังกำหนดทิศทางของตลาดโลก ซึ่งก่อให้เกิดทั้งความเสี่ยงและโอกาส นักลงทุนที่ก้าวล้ำหน้าการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถค้นพบศักยภาพในตลาดฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีได้
แนะแนวทางผ่านความผันผวนของตลาดด้วย ATFX
ATFX มอบอำนาจให้ผู้ซื้อขายด้วยเครื่องมือขั้นสูงและ CFDs ในประเภทสินทรัพย์หลัก ช่วยให้ตอบสนองต่อนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงไปแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าตลาดจะทรงตัวหรือประสบกับความปั่นป่วน ATFX ก็ช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจ