ทำไมและอย่างไรที่เศรษฐกิจตุรกีมีโอกาสที่จะล่มสลาย ปัญหาเงินเฟ้อสร้างผลกระทบต่อประเทศตุรกีอย่างไร

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในตุรกีแย่ลงทุกวัน อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นและสกุลเงินลีราของตุรกียังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง มีคิวยาวที่ร้านค้าเพราะผู้คนพยายามซื้อขนมปังราคาถูก ราคานม ยา และกระดาษชำระพุ่งสูงขึ้น ประธานาธิบดีตุรกีนายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน (Recep Tayyip Erdogan) ได้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 50% ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินลีราของตุรกี จึงไม่แปลกใจว่าทำไมและทำไมเศรษฐกิจของตุรกีถึงถดถอยอย่างรวดเร็ว

ผลกระทบของการระบาดโควิดที่มีต่อเศรษฐกิจตุรกี

เศรษฐกิจของตุรกีได้รับผลกระทบในทางลบจากการระบาดของโควิด-19 และการปิดเมืองเพื่อควบคุมโรคระบาด ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง สมาพันธ์สหภาพแรงงานแห่งตุรกีกล่าวว่าปัญหาการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และราคาสินค้าที่สูงขึ้นกำลังทำร้ายชนชั้นแรงงาน และสถานการณ์ก็เลวร้ายลงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อันที่จริง วิกฤตเศรษฐกิจในตุรกีย่ำแย่มาเป็นเวลา 2 ปีก่อนการระบาดโควิด-19 นี่เป็นช่วงก่อนที่ระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกจะเริ่มล่มสลายเพราะโรคระบาด ตุรกีพยายามที่จะหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าเงินลีร่าไม่สามารถรักษามูลค่าของค่าเงินเอาไว้ได้ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินลีร่ามีมูลค่าลดลง อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าลงอย่างช้าๆ ก็ได้เร่งตัวขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนกล่าวโทษประธานาธิบดีเรเจปของตุรกีว่าเป็นผู้ทำให้สภาพเศรษฐกิจของตุรกีเลวร้ายลง

ตุรกีลดดอกเบี้ยแม้ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นถึง 80%

ปัญหาทางการเงินของตุรกีหยั่งรากลึก แต่วิกฤตล่าสุดเกิดจากการที่ประธานาธิบดีเรเจปนั้นคือการยืนกรานที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เรเจปทำตามขั้นตอนนี้แม้ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นโดยไม่สนใจคำแนะนำจากนักเศรษฐศาสตร์ ตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่แนะนำให้ประเทศต่างๆ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเงินเฟ้อมักจะบ่งชี้ว่ามีเงินจำนวนมากเท่าไหร่ที่กำลังหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นี่คือสาเหตุที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่จึงขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจำกัดการกู้ยืมและลดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ

นายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีของตุรกีในปี 2003 ซึ่งในเวลานั้นเป็นทีมรัฐบาลที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2003-2013 ก่อนตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2014 เรเจปเป็นประธานาธิบดีตุรกีคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนนิยม ในช่วงปีแรก ๆ ของการปกครองของเขา เรเจปได้รับความนิยมจากการเปลี่ยนแปลงของตุรกีโดยการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และลดระดับความยากจนในประเทศ นโยบายของเขาเปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปในปี 2016 หลังจากความพยายามก่อรัฐประหาร ซึ่งนำไปสู่ภาวะฉุกเฉินที่กินเวลานานถึงปี 2018 ตั้งแต่นั้นมา แอร์โดอันก็ถูกกล่าวหาว่าปกครองแบบเผด็จการ รวมถึงความพยายามสกัดกั้นฝ่ายค้านก่อนการเลือกตั้งในปีหน้า

เงินเฟ้อสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจตุรกีอย่างไร

รัฐบาลของตุรกีและธนาคารกลางไม่ได้ให้ความสนใจกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในประเทศ แทนที่จะเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง กระตุ้นการใช้จ่ายซึ่งกลายเป็นกระตุ้นเงินเฟ้อไปในตัว ภาวะเงินเฟ้อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัวให้มีรายได้ลดลงและไม่สามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันได้อีกต่อไป ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อรัฐบาลเรเจปอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ลีร่าของตุรกีสูญเสียมูลค่าไปแล้วกว่า 30% นับตั้งแต่ต้นปี 2022 และอาจร่วงลงมากกว่านี้ได้อีกมาก

เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจตุรกีในตอนนี้?

ในช่วงต้น 2022 คุณสามารถซื้อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐด้วย 15 ลีราตุรกี และตั้งแต่นั้นมาอัตราแลกเปลี่ยนได้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 18 ลีราตุรกีต่อหนึ่งดอลลาร์ ประเทศนี้มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลักด้วยสถิติเงินเฟ้อสูง 83% ในเดือนตุลาคม สถานการณ์เงินเฟ้อในตุรกีกำลังเลวร้ายลง เพราะรัฐบาลตุรกีพยายามเร่งรัดการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอันของตุรกี เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยสูงจะนำไปสู่เงินเฟ้อที่มากขึ้น ดังนั้นการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นดีต่อเศรษฐกิจ มุมมองนี้ขัดแย้งกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับของประเทศส่วนใหญ่ เรเจปต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตและได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่ออำนวยความสะดวกในการวางนโยบายของเขา

อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เกิดปัญหากับหลายๆ ครัวเรือน รายได้ของประชาชนไม่สามารถสู้ราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่พุ่งสูงขึ้นได้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อรัฐบาลจึงลดลงอย่างรวดเร็ว และผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่าเศรษฐกิจของตุรกีกำลังตกอยู่ในอันตรายจากปัญหาสะสมที่รอการระเบิด

ความเป็นไปได้ 4 ประการสำหรับอนาคตของประเทศตุรกี

แม้อัตราเงินเฟ้อในตุรกีจะอยู่ที่ 83% แต่ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐตุรกีก็ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.5% ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักการเงินมาหลายไตรมาส ธนาคารกลางตุรกีลดดอกเบี้ยลง 1% ในเดือนสิงหาคมและอีกครั้งในเดือนกันยายน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ คำถามจากผู้เชียวชาญยังคงอยู่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ผลหรือไม่? คำตอบสั้น ๆ คือใช่ในระดับหนึ่ง

ตุรกีมีรายงานอัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 อยู่ที่ 7.6% ในขณะที่หลายๆ ประเทศพยายามที่จะสร้างอัตราการเติบโต GDP ที่ 1% ให้ได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 22% การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ 

เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่านโยบายการเงินและการคลังที่แปลกประหลาดของประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอันของตุรกีจะได้ผลหรือไม่ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าในระยะสั้น ตุรกีจะยังคงสร้างตัวเลขการเติบโตของ GDP ได้อย่างน่าประทับใจ เพราะธนาคารกลางฯ ลดอัตราดอกเบี้ยและกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ลีร่าอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้นต่อไป เว้นแต่รัฐบาลจะเปลี่ยนนโยบายการเงินการคลัง ตอนนี้ภาคครัวเรือนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการยากที่จะรักษาแผลจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจบีบให้รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายใหม่

นี่คือความเป็นไปได้ 4 ข้อที่เราคาดการณ์:

• ตุรกีจะมีรายงานการเติบโตของ GDP สูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ปี 2022
• อัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงเป็นประวัติการณ์และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
• อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า
• ลีร่าจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ในฐานะนักลงทุน เราควรทำอย่างไร?

นักเทรดฟอเร็กซ์สามารถได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินไม่ว่าสกุลเงินจะอ่อนหรือแข็งค่าอยู่ก็ตาม ตัวอย่างเช่น นักลงทุนเชื่อว่าคู่สกุลเงิน USD/TRY จะขึ้นเมื่อต้นปีนี้เพราะลีร่าอ่อนค่าลง ก็ได้ผลตอบแทนไปแล้วมากถึง 38.77%

อย่างไรก็ตาม คู่สกุลเงินชื่อดังอื่นๆ ก็สามารถให้โอกาสในการลงทุนรายวันที่ดีกว่านี้มากเมื่อเทียบกับสกุลเงินลีร่า นักลงทุนสามารถลงทุนได้ว่าคู่สกุลเงินที่มีโอกาสอ่อนค่าลงและทำเงินจากคู่สกุลเงินนั้นๆ ได้

{{cta(‘f4190ee6-e7d9-406c-ab7a-a7f61530fcb9’)}}