หลังจากแตะระดับแนวต้านที่ $0.9589 ขาขึ้นของ USDCHF ได้ชะลอแรงส่งขาขึ้นลง ตลาดกระทิงดูเหมือนจะชิงทำกำไรก่อนการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายงาน CPI มีความสำคัญต่อนักลงทุนเนื่องจากเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เชื่อถือได้
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) เมื่อวานนี้กลับมาเหนือ 106 จุด ได้รับแรงหนุนจากการถือครองดอลลาร์เพื่อคานความเสี่ยงจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนเมื่อวานนี้ ทำให้นักลงทุนเข้าสู่โหมดหลีกเลี่ยงความเสี่ยงชั่วคราว
แนนซี เปโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เดินทางไปเยือนไต้หวันเมื่อวานนี้เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลไต้หวัน และเสริมความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งขัดต่อความต้องการของจีน สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนได้ออกคำเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากการเยือนครั้งนี้ ซึ่งทางสหรัฐฯ เพิกเฉย นักลงทุนกลัวว่าสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรจีนจากภัยคุกคามต่อการเยือนไต้หวันครั้งนี้ ความตึงเครียดดังกล่าวได้เปลี่ยนความเชื่อมั่นของนักลงทุน และผลักดันให้หลายคนกลับไปถือครองดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์หลบภัย
ปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของ USDCHF เพิ่มเติมคือรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) สหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์ การจ้างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ เซึ่งผลกระทบของข่าวนี้ต่อ USDCHF จะถูกอธิบายในย่อหน้าด้านล่าง
ผลกระทบจากตัวเลข CPI ที่จะมีผลต่อคู่กราฟ USDCHF?
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อ เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อโดยการวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่เสนอให้กับผู้บริโภคที่เชื่อถือได้ ตัวเลข CPI จึงมีความสำคัญต่อนักลงทุนเสมอ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น เพื่อทำให้สกุลเงินแข็งค่า
ข้อมูล CPI สำหรับฟรังก์สวิส (CHF) ในเดือนกรกฎาคมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นตัวชี้วัดว่าธนาคารแห่งสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) จะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองในเดือนกันยายนหรือไม่
เมื่อพิจารณาจากตัวเลข CPI ก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อของสวิสในเดือนมิถุนายนแตะจุดสูงสุดในรอบ 29 ปีที่ 3.4% YoY ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ไว้มาก ระดับเงินเฟ้อที่ 3.4% ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ที่อัตราเงินเฟ้อของสวิตเซอร์แลนด์แตะระดับสูงกว่า 3%
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ SNB ต้องใช้มาตรการทางการที่รุนแรงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก -0.75% เป็น -0.25% ภายในเดือนนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของสวิสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2007 ดังนั้น SNB จึงคงอัตราดอกเบี้ยไว้โดยไม่มีใครแตะต้องในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมาในอัตราติดลบ
ในระหว่างการประชุมครั้งล่าสุด โธมัส จอร์แดน ประธานธนาคารกลาง SNB จึงประกาศว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การบังคับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อคืนค่าสกุลเงินให้อยู่ในสถานะที่มั่นคง จอร์แดนเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สามารถดึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อกำหนดอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่เป้าหมาย SNB ที่ 0 – 2%
“หลังจากที่เราได้รายงานตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อใหม่ หากคุณมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง คุณจะเห็นว่าทำไม SNB จึงมีความจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม” ประธาน SNB กล่าว
สาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อในประเทศสวิสเซอร์แลนด์มาจากน้ำมันและผักที่มีราคาสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน ในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเป็น 1.9% ดังนั้นรายงาน CPI ของฟรังก์สวิส (CHF) ในเดือนกรกฎาคมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
หากตัวเลข CPI สูงขึ้นจะทำให้ค่าเงินฟรังก์สวิสอ่อนค่าลงชั่วคราว (CHF) จนกว่าอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนจะถูกปรับขึ้นอีกครั้ง นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลข CPI ในครั้งนี้จะออกมาอยู่ที่คือ -0.1% MoM เทียบกับตัวเลขครั้งก่อน 0.5% MoM
การประกาศตัวเลขนอนฟาร์มในวันศุกร์จะกระทบต่อ USDCHF อย่างไร?
รายงาน NFP ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และกระทบทางอ้อมต่อคู่เงินอื่นๆ ในตลาดฟอเร็กซ์ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้ USDCHF ปรับตัวขึ้น ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะทำให้ CHF อ่อนค่า หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นขาลงของ USDCHF
รายงาน NFP สรุปการเติบโตของตลาดแรงงานสหรัฐฯ การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นถือเป็นขาขึ้นสำหรับดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางตรงกันข้าม อัตราการว่างงานที่สูงขึ้นจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ไม่ว่าตัวเลข NFP ในวันศุกร์จะออกมาเป็นเช่นไร สิ่งที่นักลงทุนต้องทราบคือความเสี่ยงที่จะทำให้ USDCHF ผันผวน