ก่อนหน้านี้ การทะลุแนวต้านขึ้นมาของ USDJPY ตามมาด้วยการแข็งค่าของเงินเยน ส่งกราฟกลับลงมาทดสอบแนวรับ แต่ตอนนี้โอกาสที่ราคาจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อนั้นเป็นไปได้แล้ว
กราฟ USDJPY รายวัน
หลังจากปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ คู่กราฟ USDJPY เคลื่อนไหวอยู่ที่ 146.34 ตอนนี้เป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นจากจุดนี้
ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
ปฏิทินเศรษฐกิจในช่วงต้นสัปดาห์ค่อนข้างเงียบสงบ วันพุธจะเริ่มต้นการประชุมสัมมนาประจำปีที่แจ็คสัน โฮล (US Jackson Hole) ของประธานธนาคารกลางต่างๆ เป็นเวลาสามวัน หลังจากนั้นจะมีถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ในวันศุกร์นี้ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจนั้นวันพฤหัสบดีจะมีการประกาศยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ พร้อมเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกนในวันศุกร์
เจเรมี ซีเกล ศาสตราจารย์จากวอร์ตันไม่เห็นว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น แม้จะมีสัญญาณของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้จากการที่เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดในปีที่ผ่านมาก็ตาม
จากข้อมูลของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา พวกเขาคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้น 5.8% ในไตรมาสที่สาม การเติบโตของงานและค่าจ้างก็แข็งแกร่งเช่นกัน สหรัฐฯ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 187,000 รายและรายรับรายชั่วโมงในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี
“นี่เป็นประสิทธิภาพการผลิตที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 70 ปี ปีนี้เรามีกำลังการจ้างงานน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง และเรามีระดับการเติบโตของ GDP เพียงสองถึงสามเท่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? นี่คือหนึ่งในการรีบาวด์ด้านผลิตภาพที่มากที่สุดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน” เขากล่าวกับ CNBC “ข้อมูลเช่นนี้ถือเป็นการช่วยเจอโรม พาวเวลล์เอาไว้เลย นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถมีการเติบโตของ GDP ได้อย่างมหาศาลและยังคงอยู่บนเส้นทางของการลดเงินเฟ้อ”
ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นเพราะความกังวลว่าปัญหาเศรษฐกิจของจีนอาจส่งผลกระทบไปสู่เอเชีย บริษัทผู้พัฒนาที่ดินอย่าง China Evergrande Group ได้ยื่นล้มละลายเพื่อรับการคุ้มครองตามกฎหมายของสหรัฐฯ กระบวนการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก นั่นจึงทำให้นักลงทุนมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นจากวิกฤตทรัพย์สินของจีนที่เลวร้ายลง
ปัญหาดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของกลไกการเติบโตของจีน ทำให้นักลงทุนกำลังหันไปหาสินทรัพย์ของสหรัฐฯ
แคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าวในรายงานของตนว่า “แน่นอนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังสร้างความตึงเครียดอย่างมากต่องบดุลภาคการเงิน และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดเชิงนโยบายที่ยุ่งเหยิงหากเจ้าหน้าที่ไม่จัดการกับสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง แต่เรายังคงคิดว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ที่เราไม่ควรประมาท”