หุ้นเทคโนโลยีและสินทรัพย์อื่นๆ กำลังแสดงสัญญาณความเปราะบางออกมา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คุกคามประเทศอิหร่านมากขึ้น

ราคาหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงมาอยู่ที่ 21,696 จุด ทะลุแนวรับขาขึ้นที่ลากจากเดือนพฤษภาคมไปแล้ว เส้นแนวโน้มขาขึ้นถัดไปอาจทดสอบระดับฟีโบนัชชีจากจุดต่ำสุดนั้น กับระดับสำคัญที่สร้างไว้ด้านบน
ดัชนีหุ้นร่วงลงในวันอังคาร ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอีก 4% ประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้าร่วมวงความขัดแย้งกับอิหร่าน หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ พยายามลดความสำคัญของการมีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้ลงในช่วงแรก ประธานาธิบดีได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมกับสงครามนี้ และสมาชิกรัฐสภาของประเทศต่างก็เห็นด้วยหรือกังวลเกี่ยวกับการเข้าร่วมความขัดแย้งระยะยาวอีกครั้งในตะวันออกกลาง
ราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ทรัมป์เตรียมพบกับทีมความมั่นคงแห่งชาติ ทำให้เกิดการคาดเดาว่าประเทศอเมริกาอาจใกล้จะเข้าร่วมการโจมตีอิหร่าน อิสราเอลกล่าวว่าจะทวีความรุนแรงในการโจมตี ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าต้องการเห็น “การยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข” จากอิหร่าน
อิหร่านจัดหาน้ำมันให้กับจีน คิดเป็นอุปทานน้ำมัน 30% ในปัจจุบัน ตามการประมาณการ และมีความเป็นไปได้ที่สงครามอาจดึงมหาอำนาจอื่นเข้ามาร่วมด้วย
อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันหุ้นเทคโนโลยีคือความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ที่มาพร้อมภาวะเงินเฟ้อ GDP ที่ชะลอตัวสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น รายงานยอดขายปลีกล่าสุดและราคาสินค้านำเข้าที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ทำให้หุ้นบางตัวอ่อนแอลง ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านทรุดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
ยอดขายปลีกของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมลดลง -0.9% ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้ที่ -0.6% ขณะเดียวกัน ยอดขายปลีกที่ไม่รวมรถยนต์ในเดือนพฤษภาคมลดลงอย่างไม่คาดคิด -0.3%
ข้อมูลที่อ่อนแอเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการปรับขึ้นภาษีในช่วงแรก และยังถือเป็นความเสี่ยงหากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนกำลังเตรียมรับมือกับข่าวเชิงลบเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าเขาตั้งใจจะส่งจดหมายไปยังคู่ค้าหลายรายเพื่อกำหนดอัตราภาษีฝ่ายเดียวก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ตกลงกันว่าจะเลื่อนการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน
สัปดาห์นี้ ตลาดต่างจับตาการประชุม 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะสิ้นสุดในวันพุธ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ที่ 4.25%-4.50% ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่ถูกใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่วิพากษ์วิจารณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้การแถลงข่าวหลังการประชุมของเฟดน่าสนใจขึ้น ขณะนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย -25 จุดฐานในสัปดาห์นี้มีเพียง 0%