ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของดัชนีชื่อดังของสหรัฐอเมริกาอย่าง S&P 500 การดีดตัวกลับขึ้นมาในวันศุกร์ถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาแนวโน้มขาขึ้นเอาไว้

กราฟ SPX500 รายวัน
ดัชนี SPX 500 สามารถสลัดทิ้งแรงขายต่อเนื่องกันสามวันได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 6,600 ตลาดจึงจะมุ่งเป้าไปที่จุดสูงสุดอีกครั้งก่อนถึงระดับ 6,700
มูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 บลูมเบิร์กรายงานว่าตัวชี้วัดราคารวมของบริษัทต่างๆ ได้ทะลุจุดสูงสุดของฟองสบู่ในปี ค.ศ. 1929 และ 2017 ซึ่งเป็นจุดอันตรายสำหรับการเปิดออเดอร์ซื้อในตลาด
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับมูลค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเห็นล่าสุดของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งได้กล่าวถึงตลาดหุ้นที่มีมูลค่าสูงเกินจริง อีกหนึ่งความเสี่ยงสำหรับสหรัฐฯ คือความอ่อนแอของตลาดแรงงานในช่วงนี้ และผลกระทบจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่
“ผมรู้สึกกังวลมากขึ้นเล็กน้อยเกี่ยวกับโมเมนตัมขาขึ้นของตลาด” แอนโทนี แซกลิมบีน จาก Ameriprise Financial กล่าว “ตลาดกำลังซื้อขายแลกเปลี่ยนในระดับที่อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนในระยะใกล้ได้”
อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด และพาวเวลล์ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ในการออกมาให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อเร็วๆ นี้ อัลเลน บอนด์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของเจนเซน อินเวสต์เมนต์ กล่าวว่า “เรายังไม่เห็นผลกระทบทั้งหมดของภาษีศุลกากรต่อราคาผู้บริโภคล่าสุด”
หากภาษีศุลกากรส่งผลต่อเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น “การสนับสนุนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟดก็อาจหายไป” บอนด์กล่าวเสริม
ในวันที่เฟดส่งสัญญาณเงินเฟ้อต่อเนื่อง และมูลค่าหุ้นที่สูง ตลาดจึงจำเป็นต้องมีปัจจัยกระตุ้นใหม่เพื่อทำให้การฟื้นตัวดำเนินต่อไป หากตลาดไม่สามารถทะลุ 6,700 จุดได้ อาจทำให้ราคาปรับฐานอย่างรุนแรงไปจนถึงสิ้นปี

