ราคาน้ำมันยังคงพยายามหาจุดต่ำสุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งตอนนี้ราคายังคงวิ่งอยู่ใกล้ๆ กับระดับ $80 ต่อบาร์เรล ตั้งแต่ช่วงไม่กี่เดือนก่อนมาจนถึงปัจจุบัน ราคาน้ำมันก็ได้ผันผวนอยู่กรอบราคาระหว่าง $70-80 ต่อบาร์เรล และยังไม่มีปัจจัยใดๆ มาสนับสนุนให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหว
กราฟ USOIL รายสัปดาห์
ราคาน้ำมันในปัจจุบันมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ ตราบใดที่ยังคงอยู่เหนือ 76 ดอลลาร์ ก็ยังมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะสามารถปรับตัวลดลงได้ต่อ
การกลับมาเปิดเมืองใหม่ของจีนทำให้นักลงทถนคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นตลอดทั้งปี 2023 ถึงกระนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงก็ส่งผลต่อราคา
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันอังคาร หลังจากตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ จาก API เพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ในช่วงสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 20 มกราคม สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.37 ล้านบาร์เรล ในช่วงสองสัปดาห์ก่อน API รายงานการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องจาก 7.615 ล้านบาร์เรลกลายเป็น 14.865 ล้านบาร์เรล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจุดส่งมอบน้ำมันดิบที่ Cushing รัฐโอคลาโฮมา API รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่นั้นเพิ่มขึ้นเป็น 3.928 ล้านบาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
กองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้จัดการการเงินต่างเทขายน้ำมันดิบมากกว่าที่คาดการณ์เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน ทางการจีนนั้นมีการซื้อน้ำมันจำนวน 89 ล้านบาร์เรลในช่วงเจ็ดวันที่นับจนถึงวันที่ 17 มกราคม นับเป็นอัตราการซื้อที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020
การซื้อน้ำมันดิบคงครั้งนี้ประกอบไปด้วย (USOIL) (+78 ล้านบาร์เรล) น้ำมันดิบเบรนท์ (UKOIL) (+55 ล้านบาร์เรล) และการซื้อเล็กน้อยใน NYMEX และ ICE WTI (+23 ล้านบาร์เรล)
การปรับลดการผลิตน้ำมันของโอเปกอาจเกิดขึ้นในปีนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่ากลุ่ม OPEC มีเป้าหมายราคาน้ำมันอยู่ที่ 80-90 ดอลลาร์ ซึ่งอาจเห็นได้ว่า OPEC ลดราคาเพื่อเพิ่มราคาโดยคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันของจีนจะสูงขึ้นในช่วงปลายปี และผลักดันราคาน้ำมันให้ถึงจุดสูงสุดของช่วงเทรนด์ขาขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ปัญหาของรัสเซียและยูเครนอาจเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลยุโรปไฟเขียวให้ส่งรถถังไปยังประเทศยูเครน ซึ่งทำให้รัสเซียไม่พอใจ ยิ่งความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น ก็ยิ่งส่งผลต่อความเสี่ยงและผลตอบแทน ที่น่าจะสนับสนุนขาขึ้นของราคาน้ำมัน