สถานการณ์ของราชาสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์นับวันดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในสัปดาห์ที่แล้วบิทคอยน์จะสามารถทะยานขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง และในสัปดาห์นี้ทิศทางขาขึ้นนั้นก็ดูเหมือนว่าจะยังอยู่คงเดิมต่อไป ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่ามีแนวต้านไหนที่เป็นไปได้รอฝั่งขาขึ้นกันอยู่ในสัปดาห์นี้
กราฟบิทคอยน์ 4 ชั่วโมง
ขาขึ้นครั้งใหญ่ของบิทคอยน์ปรากฎเมื่อราคาสามารถแตะ $20,000 ซึ่งเป็นอดีตจุดสูงสุดในปี 2017 ได้อีกครั้ง ขาขึ้นที่แข็งแกร่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่เหนือแนวต้านนี้ แต่มันจะคงอยู่ต่อไปหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นักลงทุนขาขึ้นคงต้องพิจารณาด่านแนวต้าน $25,250 และ $29,000 ซึ่งเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งอีกแนวหนึ่งได้แล้ว
ข่าวดีสำหรับบิทคอยน์คืออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงอีกครั้ง เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทำให้ผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อ้างอิงกับราคาคริปโตฯ นั้นน่าสนใจน้อยลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ร่วงลงเช่นกันตามข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
การพิจารณาคดีล้มละลายล่าสุดของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล FTX เป็นข่าวดีเมื่อผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทประกาศว่าพวกเขาพบเงินทุนมูลค่ารวม 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม เพิ่มความหวังว่า FTX จะสามารถชำระคืนเจ้าหนี้และหลีกเลี่ยงการล้มละลายต่อไป
ขาขึ้นของบิทคอยน์รุนแรงขึ้นหลังจากการไซด์เวย์สั้นๆ ที่แนวต้านราคา 20,000 ดอลลาร์
ข่าวที่ไม่ดีนักสำหรับบิทคอยน์ก็คืออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง และเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ “สูงนั้นไปอีกนาน” นั่นหมายถึงเงินทุนที่อยู่ในตลาดพันธบัตรจะไม่ย้ายไปที่สินทรัพย์คริปโตฯ โดยทันที วิธีเดียวที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในระยะสั้นคือภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเหตุการณ์รุนแรงระดับโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเงินดอลลาร์
บรรยากาศการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ยังคงเป็นลบเล็กน้อย จากการพังทลายของตลาดคริปโตฯ ก่อนหน้านี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการลงทุนระดับสถาบัน สินทรัพย์คริปโตฯ เริ่มอยู่ในกระบวนการตามกฎหมายมากขึ้น การเคลื่อนไหวของ ก.ล.ต. ต่อ Gemini และ Genesis ด้วยข้อหาขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน แสดงให้เห็นถึงความต้องการของหน่วยงานรัฐในการกำกับดูแล ซึ่งจะบีบผู้เล่นที่มีกำลังทรัพย์น้อยและพยายามทำให้เกิดความวุ่นวายในวงการมากขึ้น อาจมีการจัดการที่เข้มงวดขึ้นอีกเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบ FTX ขึ้นอีก ตอนนี้เราต้องจับตาดูระดับแนวต้านตามที่ได้ระบุไปและเหตุการณ์สำคัญในตลาดลงทุนสัปดาห์นี้