ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งล่าสุดราคาได้ลงมาสร้างจุดต่ำสุดที่ $80 ต่อบาร์เรล หลังจากนั้นราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นมาที่ $88 ต่อบาร์เรล จากกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามพลิตน้ำมันเข้ามาเติมคลังน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ
กราฟราคาน้ำมันรายสัปดาห์
จากกราฟราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในตอนนี้มีแนวต้านในอนาคตอันใกล้อยู่ที่ $92.50 และ $98 ต่อบาร์เรล ขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากรายงานขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าความต้องการพลังงานจะกลับมาในปีหน้าเมื่อประเทศจีนออกจากการล็อกดาวน์โควิดแล้ว
IEA ยังคาดว่าการเติบโตของการเดินทางทางอากาศจะกระตุ้นความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน นี่คือการคาดการณ์โดยไม่นับรวมความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศที่พัฒนาแล้ว IEA คาดว่าการเติบโตของอุปสงค์ในปีนี้จะอยู่ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd)
แม้จะมีแรงกดดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ IEA ก็ยังกล่าวเสริมว่าการเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซเป็นน้ำมันในบางภูมิภาคจะเพิ่มความต้องการพลังงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ขึ้นเป็น 700k bpd IEA คาดว่าตลาดน้ำมันจะเติบโต 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวันเนื่องจากการฟื้นตัวของจีน การคาดการณ์จาก IEA ช่วยชดเชยความแรงกดดันจากความต้องการพลังงานของจีนที่ลดลงในปีนี้ 2.7% ปี 2022 เราอาจจะได้เห็นความต้องการน้ำมันของจีนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990
ตลาดน้ำมันยังมีข่าวดีสนับสนุนเพิ่มเติมอีกเมื่อมีกระแสข่าวว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ที่ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 40 ปี ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองคิดเป็น 180 ล้านบาร์เรลเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอิงจากคนที่รู้จักผู้ที่ทำงานภายในว่าสหรัฐฯ ยอมซื้อน้ำมันที่ราคา $80 ต่อบาร์เรล
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเพราะสหรัฐฯ เพื่อน้ำมันดิบเข้าคลังสูงขึ้น สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) รายงานว่าปริมาณสินค้าคงคลังของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 9 กันยายนเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วเป็น 3.6 ล้านบาร์เรล