เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อวานนี้ตลาดลงทุนสหรัฐฯ ปิดทำการหนึ่งวันเนื่องในวันหยุดขอบคุณพระเจ้า ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมาดูภาพรวมหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปีกัน
กราฟ NAS100 รายวัน
ดัชนี NAS100 เคลื่อนไหวสูงกว่าระดับราคา 16,000 โดยมีแนวรับอยู่ที่ 15,500 เป้าหมายขาขึ้นอยู่ที่ราคาประมาณ 16,344 และจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 16,766
ดัชนีหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้เพราะความคาดหวังว่าเทคโนโลยี AI จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
บริษัทเอ็นวีเดีย (Nvidia) เป็นตัวขับเคลื่อนเริ่มแรกที่มีผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ความต้องการชิปและศูนย์กลางข้อมูลจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ พยายามนำเครื่องมือ AI มาใช้ ในรายงานผลประกอบการล่าสุดของบริษัทในสัปดาห์นี้มีคำเตือนว่าการควบคุมการส่งออกจะทำให้อุปทานไปยังจีนลดลง
ในสถานการณ์ที่เอ็นวีเดียมีรายได้ที่ดี นั่นจึงทำให้ผู้อื่นจะต้องกระตุ้นความสามารถของตนเพิ่มเติม เราเห็นว่ามีความต้่องการผลิตภัณฑ์ของแอมาซอน (Amazon) เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทขนาดใหญ่ใช้บริการ AWS cloud ด้วยเหตุผลด้าน AI
ไมโครซอฟต์ (Microsoft) มีการเปิดให้สมัครสมาชิก Copilot แบบพรีเมียมที่ $30 ต่อเดือน นักวิเคราะห์ของ Wedbush เห็นว่ามีความสนใจอย่างมากในเครื่องมือนี้
ปัจจัยทางเศรษฐกิจจะช่วยราคาหุ้นได้ เนื่องจากมีแนวโน้มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงที่แนวโน้มดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงหากน้ำมันพุ่งขึ้นอีกครั้งเพราะปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ในช่วงสิ้นปี คาดว่าไม่มีอุปสรรคสำคัญในการทดสอบระดับราคาที่สูงขึ้น
ในปีนี้ Nasdaq พุ่งสูงขึ้นจากกลุ่มหุ้นที่ถูกขนานนามว่า “Magnificent Seven” แต่ปัจจุบันบริษัทอย่าง Tesla และ Apple มีมูลค่าพอสมควรแล้ว จากการประเมินมูลค่าเฉลี่ยห้าปี หุ้น Microsoft ซื้อขายที่อัตราส่วนราคา/รายได้ที่สูงขึ้น 10% และอัตราส่วนราคาต่อการขายที่สูงขึ้น 20% ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่จะได้กำไรจากขาขึ้นหากเราดันราคาให้สูงขึ้นในช่วงปลายปี
การอัดแน่นของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในตลาดหุ้นสูงสุดในรอบ 22 ปีนับตั้งแต่ Goldman Sachs เริ่มติดตามข้อมูลกองทุนเฮดจ์ฟันด์ รายงานระบุว่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์โดยเฉลี่ยถือหุ้น 70% ของพอร์ตการลงทุนระยะยาวกับหุ้น 10 อันดับแรก หลังจากดูข้อมูลการลงทุนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ 735 กองทุน พวกเขาลงทุนในหุ้น 10 ตัวนั้นคิดเป็นมูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์