ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเพราะรายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของน้ำมันดิบสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น
กราฟ USOIL รายสัปดาห์
USOIL วิ่งอยู่เหนือระดับแนวรับที่ระบุ และตอนนี้อาจปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่สูงกว่า $80 ต่อบาร์เรล โดยมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านอยู่ที่นั่นด้วย
ข้อมูลล่าสุดจาก API ระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.026 ล้านบาร์เรล หลังจากลดลง 4.382 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน
นักวิเคราะห์คาดว่าปริมาณน้ำมันในคลังจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 200,000 บาร์เรล ในขณะที่จำนวนรวมของน้ำมันดิบที่มีในปีนี้เกือบ 35 ล้านบาร์เรล ตามข้อมูลของ API แต่การเบิกใช้สุทธิในสินค้าคงคลังตั้งแต่เดือนเมษายนมีมากกว่า 12 ล้านบาร์เรล
เมื่อวันจันทร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DoE) กล่าวว่าได้ขายน้ำมันดิบอีก 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 7 กรกฎาคมจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) นำไปสู่การลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 15 และทำให้อุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปีที่ 346 ล้านบาร์เรล
น้ำมันเบนซินคงคลังเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง 1 ล้านบาร์เรล และข้อมูล EIA ยังระบุด้วยว่าการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 12.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่ต้นปี
วันนี้จะมีการประกาศข้อมูลน้ำมันดิบคงคลังของ EIA สำหรับ USOIL นักลงทุนยังคงให้ความสนใจกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปทานน้ำมัน นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกยังมีบทบาทในการผลิตน้ำมัน ซึ่งทางกลุ่มโอเปกจะต้องการเห็นน้ำมันกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ $80 ต่อบาร์เรล นักลงทุนควจับตาว่าขาขึ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดได้หรือไม่
ความต้องการพลังงานทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% จนถึงปี 2045 Haitham al-Ghais เลขาธิการ OPEC กล่าวในการประชุมน้ำมันและก๊าซที่ประเทศไนจีเรียในสัปดาห์นี้
“ความต้องการพลังงานพื้นฐานทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% ในช่วงเวลาจนถึงปี 2045 ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องใช้พลังงานทุกรูปแบบ” เขากล่าว
“เราต้องการโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม เช่น การดักจับคาร์บอน การใช้ประโยชน์ การจัดเก็บ และโครงการไฮโดรเจน นอกเหนือไปจากเศรษฐกิจคาร์บอนหมุนเวียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนในเชิงบวกจาก G20”