หลังจากปรับตัวลดลงมา หุ้นไมโครซอฟต์สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ในช่วงสามวันล่าสุดและพยายามที่จะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน
กราฟหุ้น MSFT รายสัปดาห์
ราคาหุ้น Microsoft เคลื่อนไหวอยู่ที่ 334.27 ดอลลาร์ หลังจากล่าสุดได้วิ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดใกล้ 370 ดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมีความสำคัญเพราะบริษัทไมโครซอฟต์ได้รับประโยชน์จากกระแส AI ในปีนี้ที่บางคนเริ่มตั้งคำถาม
Jay Jacobs หัวหน้า ETFs Thematic and Active Equity ของ BlackRock US กล่าวว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น” ของวัฐจักรเทคโนโลยีใหม่
Jacobs กล่าวว่า “นี่คือประเด็นสำคัญที่มีมูลค่า 15 ถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษต่อๆ ไป สิ่งนี้จะทำให้เศรษฐกิจในหลาย ๆ ด้านเปลี่ยนจากหน้ามือไปเป็นหลังมือเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่หากเราดูที่การดูแลสุขภาพ หากเราดูบริการ หากเราดูในด้านประสิทธิภาพการทำงาน AI จะมีผลกระทบอย่างเหลือเชื่อ
ในรายงานล่าสุดที่ชื่อว่า “เหตุใด AI จึงไม่เป็นฟองสบู่” นักวิเคราะห์ของจากโกล์แมน แซกส์โต้แย้งประเด็นที่ว่ามีสัญญาณแนวโน้ม AI ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกล่าวว่า “เรา (โกลด์แมนฯ) เชื่อว่าเรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวงจรเทคโนโลยีใหม่ที่มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่า”.
“ประเด็นสำคัญ ณ ตอนนี้คือความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น AI ส่วนใหญ่ในปีนี้นั้นกระจุกตัวอยู่ในเพียงบริษัทชื่อดังเพียงไม่กี่ชื่อ ซึ่งพูดตามตรงแล้วคือชื่อเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่รู้จักกันดี AI มีอยู่เฉพาะในแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิก” จาคอบส์กล่าว
แต่หลังจากที่ได้เห็นกระแสเกินจริงแลมูลค่าตลาดที่เปลี่ยนไปแล้ว บางบริษัทก็ประสบปัญหาในการคาดการณ์ความสามารถในการทำกำไร หุ้นของ C3.ai บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ร่วงลงในวันพฤหัสบดีหลังลดเป้าหมายในการกลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้ภายในไตรมาสที่สี่ของปีงบประมาณนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ที่มีมากขึ้น
“ผลประกอบการไตรมาส 1 ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า C3 ได้รับประโยชน์จากความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดเช่นมูลค่าสัญญารวมโดยเฉลี่ยและแนวโน้มรายได้ในปีงบประมาณ 2024 ส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ได้ชี้ไปที่กระแส AI ที่มีความหมายเช่นกัน” Brad Sills จาก BofA กล่าวกับลูกค้า
ที่ Deutsche Bank นาย Brad Zelnick กล่าวในบันทึกถึงลูกค้าว่า “C3.ai รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ทางการเงินซึ่งไม่น่าจะสามารถลดความกังวลเกี่ยวกับการดึงลูกค้าและความตั้งใจของบริษัทได้ เมื่อพวกเขาเริ่มสร้างกำไร ถ้าไม่มี Baker Hughes อัตรากำไรจะสามารถทำได้เท่าไหร่กัน และระดับการสร้างรายได้จาก AI บนแพลตฟอร์มจะสัมพันธ์กับความเห็นเชิงบวกของฝ่ายบริหารหรือไม่
สำหรับ Microsoft นักวิเคราะห์ก็กำลังมองดูว่ามีโอกาสที่บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ที่สูงกว่าผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia ในระยะแรกๆ ได้หรือไม่