การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันและอัตราการจ้างงานของสหราชอาณาจักรในวังอังคารทำให้คู่กราฟ EURGBP กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
กราฟ EURGBP รายวัน
EURGBP มีกลุ่มแนวรับอยู่ที่ราคาระหว่าง 0.8550-0.8580 ซึ่งเคยเป็นโซนเคลื่อนไหวของราคาโดยเฉลี่ยในปี 2022
ก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อของเยอรมันของเดือนเมษายนได้ลดลงเหลือ 7.2% นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเยอรมันในเดือนพฤษภาคมที่จะมีการประกาศในวันอังคารจะลดลงกว่าเป็น 6.1%
การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของเงินเฟ้ออีกครั้งอาจทำให้นักลงทุนเชื่อว่า ECB ดำเนินการมามากพอแล้วและใกล้จะสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สหราชอาณาจักรจะมีการประกาศตัวเลขการว่างงานในเดือนล่าสุด โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.9% เป็น 4% แม้จะเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าการจ้างงานก็จะเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ด้วย 162,000 ตำแหน่ง
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW)ของยูโรโซนและเยอรมนีจะมีการประกาศในวันพรุ่งนี้ แต่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากนักเศรษฐศาสตร์มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจะถดถอย เพราะเยอรมนีได้เข้าสู่ภาวะถดถอยไปแล้ว
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าอับอายสำหรับเยอรมัน ซึ่งปัจจุบันถูกตราหน้าว่าเป็น “เด็กเจ้าปัญหา” ในยูโรโซน
“สาเหตุของความทุกข์ยากในยุโรปจะเชื่อมโยงกับความอ่อนแอของเศรษฐกิจเยอรมัน” เซนติกซ์กล่าว “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซนยังคงเป็นเยอรมนี” เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2023 และจากผลสำรวจของ Sentix ในเดือนมิถุนายนก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ -21.1 จากลบ 14.5 ในเดือนก่อนหน้า
“ไม่ว่ารัฐมนตรีเศรษฐกิจแห่งเยอรมันจะพยายามแค่ไหน สิ่งที่เขาทำก็ไม่ใช่เทพนิยายที่จะจบแบบมีความสุข” ผลสำรวจระบุ
ในขณะเดียวกัน CBI ได้ปรับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรควบคู่ไปกับ IMF, OECD และ British Chambers of Commerce ทาง CBI ไม่คาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยแม้เพียงเล็กน้อยอีกต่อไป แต่อัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
Alpesh Paleja หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า “แม้แนวโน้มการเติบโตจะค่อนข้างดีขึ้น แต่ปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ยากลำบากสำหรับภาคครัวเรือน แม้ว่าจะลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่แท้จริงและสร้างแรงกดดันต่อกำไรของบริษัทที่ต้องพึ่งพาผู้บริโภค”
รัฐมนตรีคลังของสหราชอาณาจักรได้ประกาศลดปริมาณการกู้ยืมเงินลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และสัญญาว่าจะให้ความสำคัญกับงบประมาณการใช้จ่ายสาธารณะให้มีความเข้มงวดขึ้นตามมาตรฐานในอดีต นอกจากนี้เขายังบอกเป็นนัยว่าภาษีจะลดลงหากบริการสาธารณะมีประสิทธิภาพมากขึ้น รมว.คลังกำลังมองหาวิธีที่จะลดภาษีโดยไม่ต้องเพิ่มการกู้ยืม