ความเคลื่อนไหวของคู่กราฟ EURUSD สมควรต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาที่เส้นตายของการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังใกล้จะมาถึงในสัปดาห์หน้า
กราฟ EURUSD รายวัน
คู่กราฟ EURUSD กำลังลงทดสอบแนวรับที่ระดับราคา 1.0758 และมีโอกาสที่จะวิ่งลงไปถึง 1.0525
นางเจเน็ต เยลเลน (Janet Yellen) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าสัญญาณของความเครียดในตลาดเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นไปพร้อมกับวันกำหนดเส้นตายการชำระหนี้ที่ใกล้เข้ามา เธอเสริมว่าฝ่ายบริหารของไบเดน ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการผิดนัดชำระหนี้ และกำลังให้ความสำคัญไปที่การทำข้อตกลงจำกัดหนี้ให้เสร็จสิ้น
“เรามุ่งมั่นที่จะไม่พลาดการชำระหนี้และเพิ่มเพดานหนี้” เยลเลนกล่าว “เราไม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากมีการผิดนัดชำระหนี้” เยลเลนกล่าวเสริม
“มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการปฏิบัติตามพันธกรณีของรัฐบาลในช่วงต้นเดือนมิถุนายน อาจจะเริ่มต้นเลยตั้งแต่ในวันที่ 1 มิถุนายน” เธอกล่าวในที่ประชุม “เราไม่เห็นความเป็นไปได้ที่ทรัพยากรของเราจะสามารถช่วยพยุงค่าใช้จ่ายของภาครัฐไปจนถึงกลางหรือปลายเดือนมิถุนายน”
เพียงแปดวันก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะผิดนัดชำระหนี้มูลค่ากว่า 31 ล้านล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ การเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกในรัฐสภาก็ยังไม่ยุติ รายงานระบุว่าพวกเขากำลังสลับไปมาระหว่างข่าวดีและข่าวร้อย
Garrett Graves กล่าวว่า “มีช่องว่างที่สำคัญระหว่างจุดยืนทางการเมืองของพวกเขา และตำแหน่งที่พวกเขากำลังดำรงอยู่ เว้นแต่และจนกว่าทำเนียบขาวจะรับรู้ว่านี่เป็นปัญหาการใช้จ่าย เราจะยังคงเห็นช่องว่างนี้ต่อไป” Garrett Graves กล่าว
ภาพรวมของ EURUSD
นักลงทุนจะกลับมาให้ความสนใจกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกครั้งในวันพฤหัสบดี เพราะจะมีการประกาศตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่สองในไตรมาสที่ 1 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโต 1.1% ต่อปี นอกจากนี้จะมีการประกาศตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคล ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกน
นักลงทุนควรเฝ้าดูเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิดเมื่อวันใกล้เส้นตายของประเด็นเพดานหนี้ใกล้จะถึง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความผันผวนจนอาจทำให้ตลาดลงทุนอื่นๆ อื่นสั่นคลอนได้
นักลงทุนในตลาดได้ทราบรายงานการประชุม FOMC ในคืนวันพุธไปแล้ว ซึ่งความเห็นของเจ้าหน้าที่ในธนาคารกลางสหรัฐฯ แตกออกเป็นสองฝ่าย บางคนรู้สึกว่าธนาคารกลางยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่บางคนก็เห็นว่าควรจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 หรือ 2 ครั้งในปีนี้