การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ได้ส่งให้ EURUSD ขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.09
กราฟ EURUSD รายวัน
EURUSD มีการเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1.085 เหนือ 1.090 มีแนวต้านรออยู่โดยมีเป้าหมายถัดไปคือ 1.1225
อัตราแลกเปลี่ยน EURUSD อ่อนค่าลงในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ดำเนินนโยบายการเงินก้าวร้าวมากขึ้นสร้างแรงกดดดันต่อธนาคารกลางยุโรปเป็นอย่างมาก เพราะ ECB ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้ากว่า ในแง่ของการเติบโต เศรษฐกิจยุโรปก็อ่อนแอลงมาก ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนกำลังพิจารณาว่าพวกเขาอาจซื้อดอลลาร์ สร้างขาขึ้นมากเกินไป
คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งเสียงเตือนธนาคารในสหภาพยุโรปที่ต้องการระดมทุน เธอกล่าวว่าธนาคารอาจประสบกับความเสียหายจำนวนมากหากจำเป็นต้องขายการถือครองพันธบัตร
ในการประชุม European Systemic Risk Board เธอกล่าวว่า “การถือครองหลักทรัพย์ตราสารหนี้ของธนาคารในสหภาพยุโรปอาจถูกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากจำเป็นต้องขาย”
ธนาคารกลางยุโรปเพิ่งยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในเดือนตุลาคม ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4% ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ลดลงสู่เป้าหมายที่ 2%
ในเดือนกันยายนปี 2023 อัตราการว่างงานของสหภาพยุโรปอยู่ที่ 6% ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2023 และลดลงจาก 6.1% ในเดือนกันยายน 2022 อย่างไรก็ตาม นั่นถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมาก
เงินยูโรพุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์นี้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อ่อนกำลังลง แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี นอกจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ยังแนะนำว่าหากอัตราผลตอบแทนฯ ยังคงสูงขึ้น เฟดอาจหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปได้
เมื่อตลาดลงทุนเปิดในวันพฤหัสบดี อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีลดลง 1.5% และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวลดลงพิ่มเติมจะสนับสนุนเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้น
แคธลีน โอนีล เพส (Kathleen O’Neill Paese) ประธานเฟดชั่วคราวสาขาเซนต์หลุยส์ (St. Louis) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเธอสนับสนุนการตัดสินใจของเฟดที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน เพราะ “เงื่อนไขทางการเงินและเครดิตที่เข้มงวดขึ้นในช่วงสองหรือสามเดือนที่ผ่านมา”
อัตราแลกเปลี่ยน EURUSD ยังคงมีช่องว่างที่จะขยับสูงขึ้นได้หากอัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ ลดลง แต่หากปรับตัวขึ้นต่อจนผิดความตั้งใจของเฟดมากเกินไป ก็อาจเปิดโอกาสให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป