ก่อนที่จะถึงการประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นในเซสชันเอเชียวันนี้ นักลงทุนขาขึ้นของกราฟ EURJPY ได้ตั้งเป้าหมายในกราฟระยะยาวเอาไว้ใกล้กับ 150 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาเคยไปถึงครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคมปี 2024 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตหนี้ในยุโรปจากกรีซ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งระบบการเงินของยูโรโซน
กราฟ EURJPY รายสัปดาห์
กราฟ EURJPY มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 145.66 ก่อนการประชุมอัตราดอกเบี้ยของ BOJ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดดังกล่าวได้
ปัจจัยที่จะสร้างผลกระทบของราคามาจากธนาคารกลางสองแห่ง ผู้กำหนดนโยบายทั้งในยุโรปและญี่ปุ่นต่างก็หวังที่จะยึดนโยบายการเงินแบบที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษเอาไว้ BOJ ยังคงทำเช่นนั้น แต่ ECB ถูกบังคับให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังลุกลามอย่างหนัก เห็นได้จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและการที่ผู้มีสิทธิ์วางนโยบายการเงินมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้น
นาย ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องการจะทำ”
เงินยูโรได้รับแรงหนุนในวันจันทร์จากข้อมูลวัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจจาก IFO เยอรมัน ซึ่งในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นเป็น 88.6 เทียบกับตัวเลขก่อนหน้าที่ 86.3 และตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 87.2 การประเมินเศรษฐกิจปัจจุบันจากแบบสำรวจก็ดีขึ้นเป็น 94.4 คะแนนสำหรับเดือนนี้ เทียบกับ 93.5 ที่คาดไว้ ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่าผู้จัดการภาคธุรกิจกำลังในช่วงที่ผ่านมาเริ่มจะตั้งตัวได้และเริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น
ในวันพุธนี้จะมีการรายงานข้อมูลข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจเยอรมันเพิ่มเติม นั่นคือการรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก GfK ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขจะดีขึ้นเล็กน้อยจาก -40.2 เป็น -38
เหตุการณ์สำคัญต่อจากนั้นคือการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในวันพฤหัสบดี ในเดือนมกราคม อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นได้ไต่ขึ้นจาก 0.5% เป็น 3.7% ในเดือนตุลาคม ดังนั้นแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงเป็นขาขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องรอฟังความคิดเห็นของ BOJ
จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้ เราน่าจะเห็นความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน EUR/JPY BOJ อาจคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ถึงกระนั้น ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในวันพฤหัสบดีอาจจำกัดการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร
เงินยูโรยังคงอยู่ในการควบคุมหลังจากผู้กำหนดนโยบายชี้ให้เห็นว่าธนาคารกลางยังมีพื้นที่ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไล่ตามอัตราดอเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ