สัปดาห์นี้สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าในตลาดมากที่สุดเป็นอันดับที่สองอย่างอีเทอเรียมสามารถปรับตัวขึ้นมาได้แล้วประมาณ 7% เทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอันดับที่หนึ่งอย่างบิทคอยน์ ที่ปรับตัวลดลงเกือบ 1%
กราฟ ETHUSD รายสัปดาห์
จำนวนสัญญาคงค้างของอีเทอเรียมฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลกระทบให้ราคาของเหรียญอีเทอเรียม (ETH) เพิ่มขึ้นตามไปด้วย นี่คือการขานรับของตลาดที่มีต่อการอัปเกรดระบบการขุดเหรียญใหม่ ซึ่งเปลี่ยนจาก Proof of Work (PoW) เป็น Proof of Stake (PoS) ในวันที่ 15 กันยายน ซึ่งนั่นจะหมายถึงการใช้พลังงานลดลง 99%
ก่อนหน้านี้ นักขุดบางคนได้ถูกบังคับให้ออกจากเชนเนื่องจากเครื่องขุดของพวกเขาสามารถใช้งานได้กับระบบ PoW เท่านั้น นักลงทุนจำนวนมากถึงกับไปซื้อเครื่องขุดล่วงหน้าก่อนการอัพเกรดด้วยความหวังว่าราคาเหรียญอีเทอเรียมจะเพิ่มขึ้นหลังจากการเปลี่ยนระบบ
ข้อมูลล่าสุดจาก The Block ทำให้สัญญาคงค้างของอีเทอเรียมฟิวเจอร์สมีมูลค่า 9.15 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากน้อยมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์จากช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งหากมองอีกด้านหนึ่ง นั่นอาจเป็นความเสี่ยงหากการอัปเดตในวันจริงเกิดความล่าช้าหรือหากนักลงทุนผิดหวังกับการอัปเกรด การพัฒนานี้สร้างความหวังให้นักลงทุนได้คิดว่าค่าธรรมเนียมก๊าซจะลดลงและได้ความเร็วในการทำธุรกรมมากเร็วขึ้น แต่หากมองในเชิงของความเคลื่อนไหวของราคาแล้ว มีโอกาสที่มูลค่าของเหรียญ ETH จะลดลงตามสถานการณ์ในตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์
นักพัฒนาเขียนไว้ในบล็อกโพสต์ของเขาว่า “การรวมระบบครั้งนี้เป็นไปตามกลไกที่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของคนในระบบ ไม่ใช่การขยายขีดความสามารถของระบบเครือข่าย ซึ่งจะไม่ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมก๊าซลดลง”
ในเดือนนี้ นักลงทุนควรจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคา Ethereum ในทุกๆ วันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากราคากำลังต้องการกลับมาเหนือ $1,600 โดยมีแนวต้านที่ใหญ่อยู่เหนือขึ้นไปอีกที่ $1,750 หากไม่สามารถผ่านระดับแนวต้านใดแนวต้านหนึ่งขึ้นไปได้ ประกอบแนวโน้มขาลงในสินทรัพย์ทุกประเภท ณ ตอนนี้ อาจเปิดโอกาสให้กับฝั่งขาลง
วันที่การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์คาดว่าจะเกิดขึ้นคือวันที่ 15 กันยายน และนั่นจะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการวางออเดอร์ ระดับแนวรับสำคัญ ETH อยู่ที่ $1,300 และ $1,400