ไฮไลท์ประจำการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ สัปดาห์นี้คงจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นคิวของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีรายงานผลกำไรของบริษัทอัลฟาเบตรวมอยู่ด้วย แม้ในภาพรวมนั้นนักวิเคราะห์จะมองว่าหุ้นอัลฟาเบตต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคไม่ต่างจากบริษัทเทคฯ ชื่อดังอื่นๆ แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์เหล่านี้จะให้ความสำคัญคือกำไรจากธุรกิจคลาวด์แพลตฟอร์มมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นหรือไม่
กราฟหุ้น GOOG รายวัน
ก่อนการรายงานตัวเลขผลประกอบการ ราคาของหุ้น GOOG มีราคาซื้อขายอยู่ใกล้กับแนวต้านสำคัญ หากตัวเลขผลกำไรออกมาดีขึ้ัน จะช่วยผลักดันราคาหุ้นของกูเกิลให้ขึ้นไปที่ระดับราคา 120 ดอลลาร์
Google Cloud กลายเป็นตัวตัดสินสำคัญสำหรับการเติบโตของหุ้นอัลฟาเบตจากความพยายามพัฒนาศักยภาพของระบบคลาวด์ให้แข็งแกร่งมาโดยตลอด
ระบบคลาวด์ของบริษัทอัลฟาเบตที่มีได้แก่ Google Cloud Platform และ Google Workspace ทั้งสองระบบได้ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ความต้องการระบบประมวลผลผ่านคลาวด์กำลังเฟื่องฟู การลงทุนเพิ่มเติมในโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย การจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ และ AI ยังคงเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ และยังคงบ่งบอกถึงโอกาสการเติบโตในอนาคตของหุ้น GOOG
การเติบโตของรายได้ของบริษัทอัลฟาเบทขึ้นอยู่กับความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นเป็นขาลงเช่นนี้ ในไตรมาสที่สองของปี 2022 รายรับของหุ้นเทคฯ คิดเป็น 6.3 พันล้านดอลลาร์ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 9% จากรายรับทั้งหมด มีการเติบโต 35.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับตัวเลขเหล่านี้ และดูว่าราคาหุ้น GOOG จะยังคงสามารถซื้อขายอยู่ที่ระดับแนวต้าน $102.50 ได้หรือไม่่
สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2022 บริษัท Zacks Consensus ประเมินรายรับจาก Google Cloud เอาไว้ที่ 6.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้น 34.9% จากตัวเลขที่รายงานในปีที่แล้ว อุปสรรคสำหรับที่กูเกิลมีคือรายได้จากการฝากขายโฆษณาที่ชะลอตัวลง แม้แต่บริษัทเทคโนโลยี SNAP เองก็ยังต้องเจอกับการเทขายหุ้นเนื่องจากยอดขายมีการเติบโตอ่อนแอที่สุด
บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ได้ลดการจ้างงานใหม่ รวมถึงไล่พนักงานในบางตำแหน่งออก ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทด้วยเช่นกัน เทรดเดอร์ในตอนนี้กำลังลุ้นว่าว่าธนาคารกลางสหรัฐจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงได้บ่าง เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และต่างประเทศจะลดลง ซึ่งนั่นจึงจะทำให้หุ้นกลุ่มเทคฯ สามารถกลับมาผงาดได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง