ดัชนีดาวโจนส์ยังคงคอนเซป “ซื้อตามข่าวลือ ขายตามข่าวจริง” เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งเราสามารถเห็นได้จากพฤติกรรมของราคาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประการขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมทั้งเหมือนจะส่งสัญญาณว่าอาจมีการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนถัดไป บทสรุปของการประชุม FOMC ครั้งนี้ได้ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ถูกเทขายลงมา
กราฟ US30 รายสี่ชั่วโมง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดโดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทะยานขึ้นสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2007
หลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้บอกใบ้ถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะลดขนาดลง ซึ่งนักลงทุนเรียกมันว่า “soft pivot” แม้ว่าการคาดการณ์จุดสูงสุดของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะลดลง แต่ตลาดยังคงเชื่อว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาเช่นนี้ไว้เป็นเวลานาน
Eric Winograd นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ AllianceBernstein กล่าวว่า:
“ถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกเหนือจากการดูข้อมูลและความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นแล้ว พวกเขากำลังพิจารณาผลกระทบสะสมของนโยบายที่พวกเขาได้ทำลงไป และสิ่งที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจในภายหลัง โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลา 9-12 เดือนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและ 12-18 เดือนในการคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้เพื่อให้เกิดผลสูงสุด เราเพิ่งผ่านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกไปเพียงแปดเดือน ดังนั้นมันจึงควรที่เฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง”
ดาวโจนส์ร่วง 700 จุดหลังจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าวว่า “ยังเหลือทางที่ต้องเดินอีกไกล” ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่การทำดอกเบี้ยนโยบายเชิงรุกล้มเหลวในการกดภาวะเงินเฟ้อลงมา
อย่างไรก็ตาม นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังกล่าวด้วยว่าธนาคารกลางมีเครื่องมือในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หากเฟดทำนโยบายการเงินเข้มงวดมากเกินไป นั่นอาจหมายถึงต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยด้วยการสนับสนุนหรือมาตรการกระตุ้นธุรกิจบางรูปแบบ
“เราเชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นสิ่งที่เหมาะสม และมันเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว เรายังคงต้องเดินกันอีกไกล” – ประธานเฟดกล่าว
พรุ่งนี้จะมีการรายงานตัวเลข PMI ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตของสหรัฐฯ จาก ISM โดยตลาดคาดว่าตัวเลขที่ออกมานั้นจะอยู่ที่ 55.5 เทียบกับตัวเลขของเดือนที่แล้ว 56.7 แม้จะชะลอตัว แต่ภาคบริการยังคงเติบโต